ตร.ภาค8จับยาบ้า 7 หมื่นเม็ดก่อนส่งลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ท่องเที่ยว

ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่ www.Tnews.co.th

ผบช.ตร.ภาค8 แถลงจับกุมแก๊งค้ายาบ้าพร้อมของกลาง 70,000 เม็ด มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ก่อนระบายรายย่อยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว


วันนี้ (11 ม.ค.)  ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต  เมื่อเวลา 10:00 น.  พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณแกล้ววาที รองผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.พินิจ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แถลงข่าว การจับกุม นางจิราภร หรือจิรา พรหมหนู อายุ 42 ปี  ชาว จ.นครศรีธรรมราช และนายสมนึก รามณี อายุ 51 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช  พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 35 มัด  รวมจำนวนทั้งสิ้น 70,000 เม็ด มูลค่ารวมประมาณ 7 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องและรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีแดง หมายเลขทะเบียน บต 3604 พัทลุง  โดยกล่าวหาว่า  ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
        

พล.ต.ท.เทศา  กล่าวว่า  เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางพัชนี พันธ์ทิพย์ พร้อมยาบ้า 10 เม็ด ในพื้นที่ตำบลศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต  จึงได้มีการขยายผลเครือข่ายทำให้ได้ข้อมูลว่า ในวันที่ 8 มกราคม 2559  จะมีการนำยาเสพติดมาส่งให้ในพื้นที่ จ.พังงา จึงได้วางแผนเพื่อจับกุม  โดยนัดส่งมอบยาเสพติดภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในตัวเมืองพังงา  ซึ่งก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด และต่อมาในวันที่ 9 มกราคม 2559 ได้ขยายผลจนนำไปสู่การยึดยาบ้าอีก 60,000 เม็ดในพื้นที่ ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และขยายผลไปทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายรายสำคัญในพื้นที่ จ.พัทลุง พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานและบัญชีธนาคารอีกหลายรายการ
         

โดยการจับกุมในครั้งนี้เป็นการทำงานต่อเนื่องกันถึง 4 จังหวัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้มีการร่วมมือประสานการปฏิบัติงานกันอย่างใกล้ชิดตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่จะให้มีการบูรณาการกำลังในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทุกๆ ด้านโดยเฉพาะในด้านปราบปรามยาเสพติด  อย่างไรก็ตามในการปราบปรามยาเสพติดนั้น  มีการตั้งจุดตรวจหลักบนถนนสายเอเชียในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อป้องกันไม่มีให้มีลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้  ส่วนพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดค่อนข้างมากจะอยู่ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงต้องมีการเฝ้าระวังและทำงานเชิงบูรณาการอย่างใกล้ชิด