ศาลปกครองไม่รับคำฟ้อง "อรรถวิชช์" หลังยื่นฟ้องปปง. คดียึดทรัพย์มารดา !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ศาลปกครองไม่รับคำฟ้อง "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" และพวกรวม 4 คนหลังยื่นฟ้อง "ปปง." ในคดียึดทรัพย์มารดา ชี้ไม่อยู่ในเขตอำนาจ !!

 

วันนี้ (18 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งในคดีที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และพวกรวม 4 คน ยืนอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ที่ไม่รับคำฟ้องที่นายอรรถวิชช์ และพวก ยื่นฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการฟอกเงิน (ปปง.) เลขาธิการ ปปง. และสำนักงาน ป.ป.ช. กรณียึดทรัพย์นางภคินี สุวรรณภักดี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่าคดีดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง แต่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลแพ่ง ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 กำหนด
         


ทั้งนี้ศาลปกครองสูงสุด ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความแล้วนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยเนื่องจาก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 กำหนดให้อำนาจศาลยุติธรรมในการมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ศาลยุติธรรมย่อมมีอำนาจวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการทั้งหมดก่อนที่จะมีการยื่นคำร้องต่อศาล โดยไม่อาจแยกศาลที่มีอำนาจมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินกับศาลที่มีอำนาจตรวจสอบกระบวนการก่อนยื่นคำร้อง แยกต่างหากจากกันได้ และไม่ว่าคำสั่งของ ปปง.ที่ให้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินของนายอรรถวิชช์ และพวก ตกเป็นของแผนดิน จะเป็นคำสั่งทางปกครองหรือไม่ก็ตามศาลยุติธรรมย่อมมีอำนาจวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งดังกล่าวได้
         


และกรณีนี้ไม่อาจเทียบเคียงกับคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ 229/2548 ซึ่งได้วินิจฉัยคำสั่งยึดทรัพย์ชั่วคราวของคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งเป็นคำสั่งที่กระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของผู้ถูกยึดในทันที ซึ่งแตกต่างจากข้อเท็จจริงในคดีนี้อันเป็นกระบวนการในการยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมเพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน โดยยังไม่มีผลเป็นการให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินโดยทันทีจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองที่จะพิจารณาพิพากษา หรือมีคำสั่งคำร้องอุทธรณ์ คำสั่งของนายอรรถวิชช์ และพวก จึงฟังไม่ขึ้น จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น