- 30 ม.ค. 2559
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th
เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 59 ) นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอมตะ พร้อมด้วย นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และนางสมหะทัย พานิชชีวะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) รวมทั้งคุณลีน่า ที่ปรึกษาด้านการลงทุนในต่างประเทศและโครงการพิเศษ (ที่ไม่ใช่การลงทุนด้านอุตสาหกรรม) ร่วมกันแถลงข่าว ในการฉลองครบรอบ 40 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ The Future is Here” ณ อมตะคาสเซิล นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
ในการจัดงานครั้งนี้ฉลองภายใต้คอนเซ็ปต์ "The Future is Here" เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่งและมั่นคง ด้วยการสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและเป็นรากฐานความสำเร็จให้แก่นักลงทุนทุกคนที่ก้าวสู่นิคมอุตสาหกรรมของอมตะ
สำหรับทิศทางอนาคตของอมตะมีการวางแผนลงทุนเพื่อการเติบโตแบบยั่งยืนโดยเน้นลงทุนจากกำไรและมีแผนการสร้างอมตะให้ได้มากกว่าคำว่านิคมอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็น "เมืองแห่งความสมบูรณ์แบบ" หรือ "Perfect City" ที่ประกอบไปด้วย 3 สิ่ง คือ ความสะดวกสบาย คุณภาพชีวิตที่ดีและมีความรวดเร็วด้านการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service)
นางสมหะทัย พานิชชีวะ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตอนนี้อมตะมองว่าเวียดนามเป็นประเทศที่น่าเข้าไปลงทุนอันดับแรก เนื่องจากด้วยการเติบโตของจีดีพีและเอฟดีไอสูงกว่าประเทศไทยเยอะมาก รวมทั้ง ความตกลงการค้าระหว่างประเทศ (Trans-Pacific Partnership : TPP) มีทั้งบวกและลบ บางอย่างดีบางอย่างก็เสีย อันที่ดีคือ เวียดนามมีภาษีเป็นศูนย์ สิ่งนี้แหละจำเป็นตัวขับเคลื่อนที่ดีทางอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันพม่า เป็นหนึ่งประเทศที่เชื่อมโยงได้ถึง 2 มหาสมุทรเป็นสิ่งที่น่าวนใจ รวมทั้งโครงการสร้างนิคมทางด้านชายแดน จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยังดำเนินการอยู่แต่ต้องรอให้ประเทศพม่าได้จัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จสิ้นเพื่อดูแนวทางหลังจากนั้นจะสานต่อโครงการต่อไป ดังนั้น การเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็น รถไฟ ถนน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญและเป็นการเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมที่ครบวงจร
นางสมหะทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้กลุ่มบริษัทอมตะ มีแผนที่จะลงทุนเกือบๆ 5,000 ล้าน ทั้งในส่วนของประเทศไทยและต่างประเทศ เน้นประเทศเวียดนามเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งในไทยและเวียดนามเป็น 2,000 โรงงาน จากปัจจุบันมี 1,000 โรงงาน ภายใน 5 ปี ขณะที่แผน 10 ปี จะปรับสัดส่วนรายได้การขายที่ดินกับรายได้จากการบริการที่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 65:35 เป็น 20:80 ตามลำดับ โดยมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทั้งกลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก ฯลฯ
ทางด้านนายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ระบุว่า ในเรื่องของการลงทุนเราจะไม่ทำอะไรเกินตัว ยกตัวอย่างเช่น ทรัพย์สินของอมตะในตอนนี้มีอยู่ประมาณเกือบ 20,000 ล้านและมีกำไรสะสมอีก 10,000 ล้าน มีที่ดินอยู่ในประเทศไทยอยู่ประมาณ 15,000 ไร่ มีที่ดินอยู่ในเวียดนามอีก 40,000 กว่าไร่ เราจะพยายามรักษาสัดส่วนของหนี้ต่อเงินทุนต้องไม่เกิน 1:1 และไม่มีการค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำอะไรก็ตาม