รวบคาหนังคาเขา ! หนุ่มใหญ่วัย 50 ปลอมบัตรเอทีเอ็ม พร้อมของกลางเพียบ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.Tnews.co.th

บก.ปอศ จับกุม หนุ่มใหญ่พนักงานธนาคาร ปลอมบัตรเอทีเอ็ม ตระเวนกดเงินหลายครั้ง ขยายผลพบของกลางเพียบ

 

วันนี้  (8 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบกลาง (รอง ผบช.ก.)  แถลงข่าวจับกุม นายดิเรก แก้วชูเชิด อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่ของธนาคารฯ พร้อมของกลาง บัตร เอทีเอ็ม. ปลอม จำนวน 6 ใบ เงินสดที่ได้จากการกด บัตร เอทีเอ็ม. ปลอมจำนวน 20,000 บาท รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง ทะเบียน บมธ 878 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้บริเวณปากซอยลาดปลาเค้า 76 ถนนลาดปลาเค้า กรุงเทพมหานคร

 

สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.ชิระ พยาน้อย ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้รับการประสานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุม ธนาคารทหารไทย ว่า มีคนร้ายใช้ เอทีเอ็ม. ปลอม กดเงินจากตู้เอทีเอ็มจำนวนหลายครั้ง จึงทำการตรวจสอบติดตามเส้นทางการกดเงินจากภาพวงจรปิด กระทั่งสามารถจับกุม นายดิเรก

 

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. ได้ทำการขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักย่านดอนเมือง ของนายดิเรก แก้วชูเชิด อายุ 50 ปี ผู้ต้องหา พบบัตร เอทีเอ็ม. เพิ่มอีกจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งการจับกุมในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และทางธนาคารฯ มีข้อบังคับและบทลงโทษเกี่ยวกับจรรยาบรรณของพนักงานอย่างเคร่งครัด

 

ขณะที่ นายลอเรนโซ่ ทัสซาน - บัสซัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทยจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สังเกตที่ประชาชนเจ้าของบัญชีที่มี และเป็นผู้ใช้บัตร เอทีเอ็ม ต้องหมั่นสังเกตและตรวจสอบที่ตู้กดเงิน คือ เรื่องของอุปกรณ์ หรือวัสดุแปลกปลอมติดตั้งอยู่ที่ตู้กด เอทีเอ็ม หรือใกล้ช่องสอดบัตรหรือไม่ ขณะเดียวกันควรใช้บัตร เอทีเอ็ม. ที่เป็นชิพอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากยากต่อการปลอมแปลง และควรใช่บริการระบบแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวทางบัญชีผ่านทาง เอสเอ็มเอส. หรือ หมั่นอัพเดทสมุดบัญชีเพื่อดูความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีอย่างต่อเนื่อง หากพบความผิดปกติต้องแจ้งธนาคารเพื่อตรวจสอบความผิดปกตินั้นๆได้ทันที

 

 ทั้งนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหาใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมหรือแปลงขึ้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งประสานกับธนาคารฯ เพื่อทำการสืบสวนขยายผลต่อไป