"สุวพันธุ์" สั่ง "พศ." แจงสังคมปม "ธัมมชโย" หวั่นวิกฤติศรัทธา

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

รัฐมนตรีสำนักนายกฯ เผยเคยกำชับพศ.แล้วว่า เรื่อง "ธัมมชโย" มองแค่ข้อกฎหมายไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของความศรัทธาต่อองค์กร ซึ่งต้องชี้แจงกับสังคม พร้อมระบุ พศ. จะคิดแบบเดิมไม่ได้

 

 

วันนี้ (11 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่อาบัติปาราชิก ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่า หลังจากมีมติออกมาแล้ว ต้องไปดูหนังสือชี้แจงของ มส.และ พศ.ที่จะทำไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะที่ทำเรื่องสอบถามเข้ามาว่าเป็นอย่างไรบ้าง

 

ทั้งนี้ ตนได้บอก พศ.ไปว่า เรื่องนี้สังคมไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ข้อบังคับ หรือพระธรรมวินัยเท่านั้น แต่เป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาต่อองค์กร สถาบันพระพุทธศาสนา พศ.จึงต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจว่า ที่ผ่านมาได้ทำไปตามอำนาจหน้าที่ของตัวเองอย่างไรบ้าง สุดขอบเขตอำนาจตัวเองแล้วหรือยัง ขณะที่ทาง มส.คงต้องทำแบบนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งตนได้เสนอข้อเสนอแนะไปแล้ว

 

ส่วนคำถามที่ว่าจะทำอย่างไร เพราะมีข้อครหาเกี่ยวกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งยังเป็นที่สงสัยของสังคมอยู่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราต้องแยกกันก่อน เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา มส.หารือกันเรื่องพระภิกษุรูปหนึ่ง เขามองแล้วว่าข้อกฎหมายหรือข้อธรรมวินัยที่ออกมาก็เป็นไปตามมตินั้น แต่ว่ามีเรื่องของศรัทธาอยู่ จึงต้องดูสังคมรู้สึกอย่างไร จำเป็นต้องชี้แจงหรือทำความเข้าใจอะไรเพิ่มเติม

 

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรเพราะประชาชนเริ่มเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนากันแล้ว นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ก็ต้องเอาศรัทธากลับมาให้ได้ ให้เข้มแข็ง เมื่อถามว่า หลังจากนี้ พศ.จะดูแลอย่างไรให้พระสงฆ์อยู่ในกฎระเบียบที่ถูกต้อง ไม่ทำอะไรผิดแปลกข้อบัญญัติทางพระพุทธศาสนา นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราเคยบอกกันว่าต้องยึดข้อกฎหมาย ข้อบังคับของ มส.และพระธรรมวินัย แต่วันนี้ตนคิดว่าเราคงต้องเพิ่มอีกสักเรื่องหนึ่งแล้วคือ ต้องคำนึงถึงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์กรพระพุทธศาสนา จะคิดแบบเดิมไม่ได้แล้ว ตนเห็นว่าเรื่องของคณะสงฆ์หรือของใครก็แล้วแต่ ว่ากันไปเป็นกรณีไป โดยยึดกฎหมายและพระธรรมวินัยเป็นหลัก แล้วดำเนินการไปตามนั้น ส่วนประเด็นใดที่ไปเชื่อมโยงกับความศรัทธาของสังคม ก็ต้องมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม ดังนั้น เรื่องที่ยังค้างคาก็ต้องติดตาม ดูไปตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ ดีเอสไอก็ทำของเขาต่อไป

 

เมื่อถามว่า เมื่อเรื่องนี้จบแล้วจะทำให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่เดินต่อไปได้หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน แต่สังคมอาจจะมองถึงความเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชยังอยู่ในขั้นตอนของตนอยู่ ยังไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะตนยังเข้าใจสถานการณ์ได้ไม่ครบถ้วน