"มาร์ค" ค้านแรง !! คำสั่งเว้นทำอีไอเอ-เอชไอเอ  หวั่นรอยร้าวประชาชน

ติดตามข่าวสารข้อมูล www.tnews.co.th

 

"อภิสิทธิ์" ไม่เห็นด้วยคสช. แก้ไขพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม เว้นก.ม.อีไอ-เอชไอเอ  -ชี้ มีแต่สร้างรอยร้าวให้รบ.กับประชาชน โดยเฉพาะโครงการแลนด์มาร์คแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีผลกระทบชัดเจน 

 

 

 

วันนี้ ( 9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความเห็นจากกรณีที่มีคำสั่งคสช. ให้แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยให้ยกเว้นกฎหมายเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม( อีไอเอ)และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ(เอชไอเอ )ในบางโครงการ โดยอ้างการปฎิรูปเศรษฐกิจ ว่า ตนมองว่า ไม่ใช่การปฏิรูปแต่เป็นการสวนทางกับการปฎิรูป ซึ่งเศรษฐกิจไทยควรอยู่บนพื้นฐานการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชุมชน ท้องถิ่นและภาคประชาชนให้วามารถมีส่วนร่วมเพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเกิดประโยชน์แท้จริง แต่ถ้าให้อำนาจการปฎิรูปโดยกลุ่มคนที่ไม่สอดคล้องกับความจริงที่เปลี่ยนแปลงของโลกและความต้องการของประชาชนจะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา

 

 

 


          “ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งเรื่องอีไอเอ เอชไอเอ และผังเมืองเพราะจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐมากขึ้น จะทำให้เกิดคำถามว่าที่เร่งรีบเพราะต้องการเร่งการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการขนาดใหญ่หรือไม่ และขอให้ติดตามดู โครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลพยายามดัน แต่ผมไม่ต้องการเห็นเรื่องนี้สร้างความขัดแย้ง เพราะถ้าเดินตามแนวทางนี้จะไม่เป็นผลดีกับใครเลย อย่างโครงการแลนมาร์คเจ้าพระยา จำเป็นต้องทำ อีไอเอ และเอชไอเอ แต่ถ้าคิดว่ากระบวนการล่าช้าก็ต้องไปแก้ไขส่วนนั้น ไม่ใช่มายกเว้นกฎหมายที่ใช้บังคับ”

 

 

 


          ส่วนที่ครม.มีมติใช้งบประมาณ 4 พันล้านบาท ย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยารวม 1.1 ครัวเรือนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้พิจารณาว่าประชาชนไม่มีปัญหาเรื่องการปรับพื้นที่ ริมสองฝั่งแม่น้ำ แต่ปัญหาคือรูปแบบที่ใช้บังคับสร้างเขื่อนแนวยาว 7 กิโลเมตรสองฝั่ง มีผลกระทบและมีข้อท้วงติงมาก หากรัฐบาลอยากแก้ปัญหาพื้นที่ริมน้ำต้องทำงานร่วมกับประชาชนโดยปรับสภาพพื้นที่แต่ละจุดให้ประชาชนมีส่วนรวมจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับจึงต้องมีการประเมินผลกระทบด้านต่างๆ แต่ถ้าคิดแค่จะทำให้เสร็จโดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมาจะเกิดความขัดแย้งลุกลามไปเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันมีหลายโครงการที่มีปัญหากับมวลชนอยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับให้กลไกราชการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งอันตรายจึงขอให้ทบทวนทั้งหมด