รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

พาสปอร์ตอาจไม่ได้ใช้พกพาติดตัวเป็นประจำหรือหยิบมาใช้บ่อยนัก ใช้เมื่อเวลาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเท่านั้น แต่กระนั้น เจ้าพาสปอร์ตก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากเจ้า “หนังสือเดินทาง” นี้ มีนคือสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของคนๆนั้น บางคนลืมเช็คอายุพาสปอร์ตล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง พอจะบิน ซื้อตั๋วโปรโมชั่นราคาถูกไว้ แต่พาสปอร์ตหมดอายุแล้ว เปลี่ยนไฟลท์ก็ไม่ได้ คราวนี้ก็วุ่นวายเลยทีเดียว บางคนก็จำไม่ได้ว่าเก็บพาสปอร์ตไว้ที่ไหน แย่สุดก็อาจต้องคืนตั๋วเครื่องบินไปเลยก็มี
กระนั้น เราอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า ในบางประเทศ พาสปอร์ตแทบจะใช้ในชีวิตประจำวัน ราวกับบัตรประชาชนอย่างไงอย่างงั้นเลย และนอกจากมันจะบันทึกแค่ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และที่อยู่ ตามสแตนดาร์ดของพาสปอร์ตทั่วโลกแล้ว บ่อยครั้ง พาสปอร์ตของหลายๆประเทศกลับเก็บซ่อนข้อมูลอะไรต่อมิอะไรไว้ในตัว มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก
วันนี้ Jetradar เว็บและแอปค้นหาและจองตั๋วราคาถูกจากทั่วโลกกว่า 1,000 สายการบิน จะพาไปดูว่า พาสปอร์ตที่มีในโลกเรานี้ มีความลับอะไรซ่อนอยู่บ้าง...

1. พาสปอร์ตบางประเทศ คือ บัตรประชาชน

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

ถ้าลองไปประเทศรัสเซีย แล้วถามหาพาสปอร์ต เขาจะถามกลับว่า ต้องการพาสปอร์ตในประเทศหรือพาสปอร์ตไปต่างประเทศ นั่นก็เพราะบ้านเขานั้นมี 2 พาสปอร์ต คือ พาสปอร์ตที่เหมือนบัตรประชาชนสำหรับคนรัสเซียแต่ละคน กับพาสปอร์ตไว้ออกเดินทางนอกประเทศ (zagranpassport) ซึ่งอย่างหลังจะเหมือนบ้านเรา คือ ไปทำก็ต่อเมื่อจะเดินทางไปต่างประเทศ ส่วนอันแรกมีทุกคนตั้งแต่เกิด ทุกคนต้องพกติดตัวไว้ใช้สำหรับทำธุระทุกอย่าง ตั้งแต่ติดต่องานราชการพื้นฐาน (จดทะเบียนสมรส สมัครงาน หรือจะย้ายสำมโนครัวไปเมืองอื่น ฯลฯ) ไปจนถึงเสียชีวิตก็ต้องเอาพาสปอร์ตมาให้โรงพยาบาลเช่นกัน ในประเทศยูเครนและอุซเบกิสถานจะต่างจากรัสเซียนิดหนึ่ง คือ มีพาสปอร์ตแค่ 1 เล่ม แต่เวลาจะเดินทางออกนอกประเทศ แค่ไปกรมการกงสุลของบ้านเค้า ขอตราประทับอนุญาตออกนอกประเทศ แค่นี้ก็สามารถใช้ “บัตรประชาชน” หรือพาสปอร์ตเล่มเดิมสำหรับการเดินทางเข้า-ออก ต่างประเทศได้แล้ว
    ถามว่า ทำไมถึงต้องขออนุญาตก่อนออกเดินทางน่ะเหรอ …. จุ๊ จุ๊ …. ก็เขาจะได้คอยตามเก็บความลับได้ง่ายไงล่ะ ว่าใครไปไหนบ้าง อยากรู้อะไรก็เปิดได้เลย อยู่ในเล่มเดียวหมด...


2. พาสปอร์ต ใช้ตรวจสอบเจ้าของจริง-ปลอม ได้ด้วยตัวเอง

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

หากนั่งอยู่ที่สนามบิน เบื่อๆ ลองหยิบพาสปอร์ตของคุณออกมาสิ แล้วลองแยกตัวเลขข้างล่างนี้:
- แถบบน ตัวอักษรแรก คือ รหัส Type ของพาสปอร์ตของคุณ
- แถบล่าง เริ่มต้นด้วยเลขพาสปอร์ต
- ถัดไป คือ สัญชาติแบบย่อตัวอักษร 3 ตัว
- ถัดไป คือ วัน-เดือน-ปีเกิด ที่เรียงใหม่เป็น ปี-เดือน-วันเกิด
- ถัดไป เป็น M หรือ F เพื่อแสดงเพศ
- ถัดไป เป็น วันหมดอายุของหนังสือเดินทาง โดยเรียงเป็น ปี-เดือน-วัน
- ถัดไป เป็น หมายเลขบัตรประชาชนของคุณ
… น่าทึ่งไหมล่ะ คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า “รหัสชีวิต” ของคุณ ถูกนำมาร้อยเรียงเป็นเลขบรรทัดเดียวที่กลายเป็นโค้ดลับ สำหรับการตรวจสอบหนังสือเดินทางเสียแล้ว (ว่าแต่ มาบอกใบ้อย่างนี้ ก็ไม่ลับแล้วสิ!....)

3. สีของปกพาสปอร์ต มีความหมาย

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

ปกพาสปอร์ตแต่ละประเทศมีสีแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ หรือเป็นสีที่เกี่ยวข้องกับโซนที่ตั้ง บ้างก็แสดงความหมายพิเศษ หรือสัญลักษณ์อะไรบางอย่างทางการเมือง
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศใน EU มักมีปกพาสปอร์ตสีแดงเข้มหรือสีเลือดหมู เพราะบ่งบอกความเก่าแก่ของทวีปยุโรป ส่วน สหรัฐฯ, ละตินอเมริกา หรือออสเตรเลีย ประเทศเกิดใหม่ที่แยกตัวออกมาจากยุโรป อีกที มักจะใช้สีนำเงินเข้ม เพื่อแสดงความหมาย “การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อแสวงหาโลกใหม่” ในขณะที่ประเทศมุสลิม ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้ปกสีเขียว เพราะเป็นสีของศาสดาโมฮะเหม็ด ในศาสนาอิสลาม นั่นเอง
    สำหรับพาสปอร์ตของบ้านเรา มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ
- สีเลือดหมู พาสปอร์ตบุคคลธรรมดา มีอายุใช้งาน 5 ปี
- สีน้ำเงินเข้ม พาสปอร์ตข้าราชการ อายุใช้งาน 5 ปี เช่นกัน
- สีแดงสด พาสปอร์ตนักการทูต อายุใช้งาน 5 ปี เช่นกัน
เพียงแต่พาสปอร์ต 2 แบบหลัง เวลาจะทำ ต้องมีหนังสือราชการตราครุฑนำจากหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อจะสามารถทำขึ้นมาได้

4. บางคนในโลกนี้ ก็ไม่ใช้พาสปอร์ต

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

คนไหนที่ไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ไม่ต้องมีพาสปอร์ต เพราะพาสปอร์ตไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันเหมือนพวกประเทษรัสเซีย ยูเครน ตามที่กล่าวข้างต้น ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พลเมืองจำนวนมากจะไม่มีพาสปอร์ต
    จากการสำรวจในรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า ประชากรไม่ถึง 50% มีพาสปอร์ตสำหรับไปต่างประเทศ หมายความว่า ประชากรกว่า 50% ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศของตัวเองด้วยซ้ำ และซ้ำร้าย เกือบครึ่งหนึ่ง แทบไม่เคยเดินทางออกจากเมืองบ้านเกิดเลยด้วยซ้ำ
    ในอีกมุมหนึ่ง เราอาจไม่เคยรู้ว่า สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ก็ไม่มีพาสปอร์ต แต่ที่ไม่มีไม่ใช่เพราะพระองค์ไม่เคยเสด็จเยือนต่างประเทศ แต่ความเป็นจริงก็คือ มีข้อความระบุในพาสปอร์ตทุกเล่มของสัญชาติอังกฤษ ว่าเป็นพาสปอร์ตที่ออกในนามพระราชินีอังกฤษ ดังนั้น พระองค์ท่านใหญ่กว่าพาสปอร์ตทุกเล่มที่มีในอังกฤษ และเป็นเจ้าของตัวจริงของหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักร
ส่วนนครวาติกัน แม้ว่าจะไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมืองของตนเองเพราะอยู่ในเขตประเทศอิตาลี แต่พระสันตะปาปาของวาติกัน ก็มีพาสปอร์ตของตัวเอง เช่นเดียวกับพระนักบวชในวาติกันทุกคน แถมที่สำคัญ วาติกันยังมีคณะทูตออกไปประจำอยู่ทั่วโลกเหมือนกับมี “สถานทูต” ของตัวเอง แยกออกไปต่างหากจากประเทศอิตาลี อีกด้วย โดยใช้ชื่อว่า “Holy See” สำหรับตัวสมเด็จพระวันตะปาปา พระองค์จะถือพาสปอร์ตหมายเลข 1 เสมอ

5. พาสปอร์ต... ไม่ใช่วีซ่า

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

คนไทยหลายคนที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศจะชอบสับสน ดังนั้น เราจะช่วยย้ำอีกครั้งว่า…
    พาสปอร์ต คือ “บัตรประชาชน” ของคุณในต่างประเทศ
    ส่วนวีซ่า คือ sticker ติดในพาสปอร์ตอีกที เพื่ออนุญาตให้เข้าประเทศหรือไม่ให้เข้า
    ก่อนจะมีวีซ่า ต้องมีพาสปอร์ต หรือพูดอีกอย่าง “ไม่มีพาสปอร์ต ทำวีซ่าไม่ได้”
    แต่ถ้าไม่มีวีซ่า ก็ยังเข้าบางประเทศโดยมีพาสปอร์ตอย่างเดียวได้ (อ้าว!...)
    … คือ ปกติ เวลาจะไปบ้านใคร ก็ต้องโทรหา ขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน ถูกไหม ไปถึงแล้ว เค้าจะเปิดประตูให้เค้าหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่องนึง
    เช่นกัน เวลาไปอีกประเทศหนึ่ง เขาก็บังคับให้ทำวีซ่า เพื่อ “กลั่นกรอง” ไว้ก่อนว่า โอเค เดี๋ยวตานี่จะมาประเทศเราแล้วนะ คอยดูเอาไว้ โอเค คนนี้ปลอดภัย ผ่าน ฯลฯ อะไรอย่างนั้น แต่วีซ่าก็ไม่ใช่เครื่องหมายบอกว่า มีแล้วจะเข้าประเทศได้เสมอ ก็แล้วแต่เจ้าบ้านเค้าจะพิจารณาอีกที จะเปิดประตูให้เข้าหรือไม่ 
    ส่วนบางประเทศ ก็ทำข้อตกลงกับรัฐบาลไทย ทั้งแบบฝ่ายเดียวและแบบสองฝ่ายเหมือนกัน เพื่ออนุญาตให้คนไทยหรือทั้งไทยและคนบ้านเค้า สามารถไม่ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศ หรือเรียกว่า “ยกเว้นวีซ่า” บางประเทศ ก็อนุญาตให้ทำวีซ่าเข้าประเทศได้เลยที่สนามบิน เรียกว่า “Visa On arrival” คือ ก่อนบินมา มีแต่พาสปอร์ต พอมาถึง ก่อนผ่าน ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) ก็กรอกเอกสาร เซ็นสองสามแก๊ก ก็ได้ตราประทับให้เข้าบ้านเค้าได้ ดังนั้น จะไม่แปลกหากเห็นคนจีน, คนอินเดีย หรือคนชาติอื่นๆ อย่าง คาซัคสถาน, ภูฏาน, ลัตเวีย, มอลตา ฯลฯ จะมากรูกันที่ด่าน ตม. สุวรรณภูมิขาเข้า ก็เพราะเหตุนี้นี่แหล่ะ พวกนี้พอทำวีซ่าเสร็จ ก็พักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 15 วัน (ตั้ง 15 วัน!)
    สำหรับคนไทย เราสามารถใช้หนังสือเดินทางธรรมดา เดินทางไปประเทศอื่นโดยไม่ต้องมีวีซ่าได้ ทั้งหมด 28 ประเทศ ได้แก่: อาร์เจนตินา (90 วัน), บาห์เรน (14 วัน), บราซิล (90 วัน), บรูไน (14 วัน), กัมพูชา (14 วัน), ชิลี (90 วัน), เอกวาดอร์ (90 วัน), จอร์เจีย (90 วัน), ฮ่องกง (30 วัน), อินโดนีเซีย (30 วัน), ญี่ปุ่น (15 วัน),สาธารณรัฐเกาหลี (90 วัน), ลาว (30 วัน), มาเก๊า (30 วัน), มองโกเลีย (30 วัน), มาเลเซีย (30 วัน),มัลดีฟส์ (30 วัน), เมียนมาร์ (14 วัน)**, ปานามา (180 วัน), เปรู (90 วัน), ฟิลิปปินส์ (30 วัน), รัสเซีย (30 วัน), เซเชลส์ (30 วัน), สิงคโปร์ (30 วัน), แอฟริกาใต้ (30 วัน), ตุรกี (30 วัน), วานูอาตู (90 วัน), เวียดนาม (30 วัน)
** สำหรับประเทศเมียนมาร์ มีผลบังคับใช้ เฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติของบ้านเค้า โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.58 ในปัจจุบัน มีสายการบินมากมายบินตรงไปยังเมียนมาร์ อย่างสายการบินประจำชาติบ้านเรา คือ การบินไทย (Thai Airways) ที่เปิดเที่ยวบิน กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง โดยบินภายใต้สายการบินไทยสมายล์ (THAI Smile) แล้ว ราคาเริ่มต้นเพียงไม่กี่พันบาทเท่านั้น


6. พาสปอร์ต มีหลายภาษานะ

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

อย่าเข้าใจผิดว่า พาสปอร์ตประเทศอะไรในโลก ก็ต้องมีภาษาอังกฤษ เพราะในความเป็นจริง ภาษาทางการทูตสมัยก่อน คือ ภาษาฝรั่งเศส และพาสปอร์ตไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ก็เป็นภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น!
พาสปอร์ต มักจะมี 2 ภาษาประกอบกัน โดยเป็นภาษาท้องถิ่น 1 ภาษา และภาษาสากลที่เข้าใจได้ในประเทศอื่นๆทั่วโลกอีก 1 ภาษา ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เป็นภาษาอังกฤษ แต่บางประเทศก็ใช้เป็นภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาสเปน เพราะถือเป็นภาษาราชการของ UN เช่นกัน
ส่วนบางประเทศก็เก๋ไก๋ไม่แพ้ใคร เพราะพี่เขามีตั้ง 3 ภาษา เช่น พาสปอร์ตประเทศเบลเยี่ยม พี่เค้ามีทั้ง ดัตช์, ฝรั่งเศส, และเยอรมัน ยังดีไม่ใส่อิตาเลียนมากำกับอีกอัน แค่นี้ ตม. บ้านเราก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้วนาจา

7. พาสปอร์ตบางเล่ม เข้าบางประเทศไม่ได้

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

บางประเทศก็เป็นศัตรูอาฆาตแบบยอมกันไม่ได้ ถึงขั้นคว่ำบาตรกันไปข้างนึง เช่น ประเทศปากีสถานจะระบุในหนังสือเดินทางทุกเล่มว่า "ใช้ได้กับทุกประเทศยกเว้นอิสราเอล" เพราะว่ารัฐบาลปากีสถานในฐานะรัฐบาลอิสลาม ไม่ยอมรับสถานะความเป็นชาติของอิสราเอลและสนับสนุนอธิปไตยของปาเลสไตน์ ที่เป็นชาวมุสลิมเหมือนกันแทน เรียกว่า เชียร์กันออกหน้าออกตา กันเลยทีเดียว
    ส่วนอาเซอร์ไบจาน ก็แบนประชาชนอาร์เมเนีย ไม่ให้เข้าประเทศ เพราะปัญหาสงคราม Nagorno-Karabakh ในขณะที่ชาวอาเซอร์ไบจานสามารถเข้าประเทศ อาร์เมเนีย ได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า…. ก็ว่ากันไป….


8. พาสปอร์ต เก็บข้อมูลมากกว่าที่คิด!

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

คุณอาจไม่รู้ว่า เวลาคุณสแกนลายนิ้วมือ เซ็นชื่อในพาสปอร์ต หรือจ้องมองไปที่กล้องถ่ายรูปเพื่อทำรูปติดพาสปอร์ต ทุกอย่าง ถูกบันทึกไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว!
    ด้วยเพราะปัจจุบัน การปลอมแปลงพาสปอร์ตทำได้ง่ายขึ้นและแนบเนียนมากขึ้น จากวิทยาการใหม่ๆ ทำให้พาสปอร์ตยุคใหม่ ต้องปรับ และนำข้อมูลสำคัญๆรวมไว้ให้มากที่สุด จนเรียกว่า แทบจะรู้ไปถึงประวัติส่วนตัวของคุณ อย่างลึกซึ้งดีจนคุณเองอาจจะคาดไม่ถึง เช่น พาสปอร์ตของอิสราเอลนั้น บันทึกละเอียดถึงขั้น ระยะห่างระหว่างดวงตา และมวลกระดูก เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวตน เรียกว่า ถ้าเก็บตัวอย่างเซลล์ได้ พี่แกคงจะเก็บไว้แล้วด้วยแน่นอน


9. พาสปอร์ต ก็ไว้เล่นแก้เซ็งได้นะ!

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

พาสปอร์ตบางประเทศ แทบจะเป็นของเล่นสำหรับเด็ก อย่างพาสปอร์ตประเทศแคนาดา จะสะท้อนภาพวาดเรืองแสงสีม่วงออกมา เวลาที่เอาพาสปอร์ตไปส่องกับหลอดไฟแสงอัลตราไวโอเลต (แสงสีม่วง) ส่วนของประเทศฟินแลนด์ หากคุณลองกรีดหน้าหนังสือเดินทางเร็วๆ เป็นสมุดการ์ตูนสมัยก่อนที่เด็กชอบวาดกัน มันจะมีกวางมูส เดินไปเดินมาให้คุณทึ่งได้อีกด้วย
    ส่วนพาสปอร์ตของสหรัฐฯ หน้าพาสปอร์ตแต่ละหน้าจะเล่าประวัติศาสตร์การสร้างชาติ เพื่อสร้างความน่าภาคภูมิใจของความเป็นอเมริกันชน นั่นเอง

    เห็นไหม ว่าพาสปอร์ต มีลูกเล่นอะไรเยอะแยะมากกว่าที่คุณคิดจริงๆนะ!...

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง


    และถึงคุณจะไม่ค่อยใช้พาสปอร์ต เพราะไม่ได้เดินทางบ่อยๆ กระนั้น ถ้าคุณมีอยู่แล้วสักเล่ม ก็อย่าลืมหมั่นตรวจอายุ ตรวจเช็คสภาพ นับจำนวนหน้าที่เหลือในเล่ม ไม่ให้ขาด เพราะว่าสำหรับบางประเทศ เขาจะไม่อนุญาตให้ทำวีซ่าหรืออนุญาตให้เข้าประเทศได้ หากไม่มีหน้าเหลือในหนังสือเดินทางอย่างน้อย 2 หน้าเป็นต้นไป
ดังนั้น หากเตรียมพาสปอร์ตพร้อมแล้ว แต่ยังหาตั๋วราคาถูกที่ถูกใจไม่ได้ อย่าลืมใช้บริการของ Jetradar เว็บและแอป ค้นหา เปรียบเทียบ และช่วยจอง ตั๋วเครื่องบินราคาถูก จากสายการบินชั้นนำทั่วโลกกว่า 1,000 สายการบิน มีแอปให้ดาวน์โหลดได้ วันนี้ ทั้ง Android และ iOS โหลดเก็บไว้ในมือถือ จะไปเมื่อไร หาตั๋วง่าย สบายกระเป๋า!