"บิ๊กตู่" ปล่อยผี "นักการเมือง" บินนอก-แต่คนมีคดีต้องขอศาล

ปล่อยผี "นักการเมือง" บินนอก

 

"บิ๊กตู่" เรียกฝ่ายความมั่นคงถก เคาะมติปล่อยผี "นักการเมือง" บินนอกได้ เตรียมออกประกาศ 1 มิ.ย.นี้ แต่พวกมีคดีต้องขอศาลก่อน เชื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น “ไก่อู” รับไม่สามารถห้ามพวกอยู่ต่างประเทศวิจารณ์ได้


วานนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง โดยมีรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนหน่วยงานด้านความมั่นคง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ความมั่นคงในด้านต่างๆ หลังครบรอบ 2 ปี คสช. และเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเข้าสู่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ


ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า มีการรายงานข้อมูลจาก คสช. สขช. และ สมช. ซึ่งทุกหน่วยรายงานตรงกันว่า สถานการณ์โดยรวมอยู่ในสภาวะที่เรียบร้อยดี มีความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่แตกต่างออกไปบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ แต่อยู่ในวิสัยที่ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งงานให้เกิดความชัดเจนระหว่างรัฐบาลกับ คสช. เพราะนายกฯ เน้นถึงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้เกิดความยั่งยืน ฉะนั้นอะไรที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือเฉพาะกิจที่วิกฤติให้ผ่านพ้นไปได้และคลี่คลายแล้ว เมื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยตนเอง ก็ค่อยผ่อนระยะออกมา เช่น การทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเดิมมีศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นผู้ปฏิบัติหลัก ก็จะให้กรมประมงดำเนินงานต่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้ง แต่ต้องแบ่งงานให้ชัดเจนระหว่างหน่วยงานของ คสช. กับหน่วยงานของราชการปกติ

 

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้บุคคลที่เคยมีรายชื่อที่ คสช.ห้ามออกนอกประเทศ สามารถเดินทางไปยังต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขออนุญาต คสช. ยกเว้นบุคคลที่มีหมายจับมีคดีความกับศาล จะต้องขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการ แต่ถ้าใครไม่มีข้อผูกพันกับทางคดี สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งจะมีการประกาศเป็นคำสั่งหัวหน้า คสช.ประมาณวันที่ 1 มิ.ย. ทั้งนี้ การปลดล็อกดังกล่าวมีข้อมูลส่วนหนึ่งของ สขช. ที่รายงานผลการประชุมเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเขาติดตามสถานการณ์ในประเทศเรามาโดยตลอด โดยเฉพาะการผ่านกฎหมายสำคัญที่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลตั้งใจ แต่ที่ประชุมไม่ได้พิจารณาไปถึงการปลดล็อกพรรคการเมือง แม้จะมีการพูดถึงบ้าง

 

 

เมื่อถามว่า เป็นการปูทางสร้างบรรยากาศนำไปสู่การทำประชามติหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดลักษณะนั้น แต่อยากให้สังคมเกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลและ คสช.เข้าใจและรับฟังทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อะไรที่พอผ่อนได้ ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ไม่เกิดความรู้สึกตึงเกินไป เราก็พยายาม อย่างกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน หากจะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าไม่มีคดีที่ต้องขออนุญาตจากศาลก็สามารถไปได้ แต่อย่างนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือว่ามีคดี

 

ส่วนคำถามที่ว่า หากคนเหล่านี้เดินทางไปต่างประเทศ สามารถจะไปแสดงความคิดเห็นสถานการณ์การเมืองในเวทีต่างประเทศได้หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า โดยปกติก่อนหน้านี้ห้ามเดินทางไปต่างประเทศก็ยังแสดงความเห็นทางการเมืองกันอยู่ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศเป็นสิทธิของเขา สุดวิสัยที่เราจะไปควบคุม อะไรก็ตามที่เป็นกติกา ในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เราจะไม่พยายามทำเรื่องเหล่านั้น เพราะถือว่าทำไปแล้วก็ควบคุมไม่ได้ กลายเป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ แต่เราจะคำนึงถึงความเป็นจริง ซึ่งทุกคนต้องมีสติกับบ้านเมือง หากเรากำลังสวดแช่งบ้านเราอยู่ ยิ่งบ้านไฟไหม้เรายิ่งยิ้ม มันคงไม่ใช่ ต้องอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน ซึ่งเวลานี้นายกฯ เน้นเรื่องการชี้แจงทำความเข้าใจ หากไปให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เราต้องชี้แจงข้อมูลความจริงให้สังคมได้รับทราบ แต่การโต้ตอบด้วยคารมเราอาจไม่มี เพราะไม่เกิดประโยชน์

 

ถามอีกว่า ต้องจับตาเป็นพิเศษหรือไม่หากนักการเมืองเช่าเหมาลำเครื่องบินไปพบบุคคลบางคนหรือนายใหญ่ที่ต่างประเทศ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า คิดว่าไม่น่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น หากเป็นอย่างนั้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่อย่าไปชี้โพรง

 

“ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลและ คสช.รับฟังความเห็นของประชาชนทุกฝ่าย แม้มีความเห็นต่างจากรัฐบาล โดยรัฐบาลฟังแล้วนำมาชั่งน้ำหนัก เห็นว่าอะไรที่พอผ่อนได้ และเพื่อให้เห็นว่าเราไม่ได้จ้องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ และเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ เราพร้อมจะทำ” พล.ต.สรรเสริญกล่าวตอบเรื่องกรณีผ่อนปรนดังกล่าวมาจากแรงกดดันจากนานาประเทศหรือไม่ และว่า วันนี้คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ประเทศจะเดินได้หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่อย่างเดียว แต่อยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ว่าเข้าใจข้อมูลความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเราหรือไม่ ถ้าประชาชนเข้าใจ แม้จะมีข้อมูลจากหลายๆ ฝ่าย อาจไม่ตรงกันบ้าง เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นเกราะทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้

 

ด้าน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า เรื่องยกเลิกการห้ามบุคคลออกนอกประเทศนั้น เป็นความคิดของนายกฯ ที่ได้เสนอต่อที่ประชุม โดยนายกฯ ได้รับข้อมูลจากทีมงาน นักวิชาการ ทีมกฎหมาย มาประกอบการพิจารณา การตัดสินใจของนายกฯ ไม่ใช่การตัดสินใจแบบไม่มีข้อมูล แต่ตัดสินใจบนพื้นฐานการทำงานที่มีข้อมูล มีการติดตามงานด้านการข่าวและสถานการณ์โดยรวมเพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศการรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารแผ่นดิน

 


“คนไทยด้วยกัน อะไรที่เคยผิดพลาดต้องแก้ไข อะไรที่สร้างความรักความสามัคคีต่อคนในชาติก็ต้องทำ ส่วนการขอจัดกิจกรรมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมือง บรรยากาศขณะนี้ยังไม่สมควรทำ ที่ประชุมจึงปลดล็อกเฉพาะเรื่องที่ควรทำในขณะนี้ และเชื่อว่าบรรยากาศทางการเมืองจะดีขึ้น” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว

 

พ.อ.ปิยพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของรัฐบาลและ คสช. ต้องดูแลให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะในช่วงก่อนการทำประชามติ 7 ส.ค.นี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้กระบวนการต่างๆ ของบ้านเมืองเดินไปได้ แต่ที่ประชุมไม่ได้มีความกังวลเรื่องการทำประชามติแต่อย่างใด ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นตรงกันว่าควรตอบโต้ทางการเมืองให้น้อยลง เอาการทำงานบริหารราชการดูแลประชาชนเป็นหลัก.