ผู้ตรวจฯชงศาลรธน.ตีความม.61พรบ.ประชามติขัดรธน.หวั่นปชช.ถูกดำเนินคดีทำปท.ปั่นป่วน!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่www.tnews.co.th

ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติส่ง พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรค 2 ให้ศาลรธน.วินิจฉัย หวั่น ปชช.ถูกดำเนินคดี ทำประเทศปั่นป่วน
       นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีนายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธาน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามที่นายจอน อึ้งภากรณ์ ผอ.โครงการอินเตอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ยื่นเรื่องขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะเสนอเรื่องดังกล่าว พร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยภายในสัปดาห์นี้

      ทั้งนี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นว่า มาตรา 61 วรรคสอง  บัญญัติว่า ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็คทรอนิกส์ ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือ มีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือ ข่มขู่ มุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือ ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยนั้น แม้พจนานุกรมจะระบุความหมายคำว่า ก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย แต่ในทางปฏิบัติก็จะมีความไม่ชัดเจน คลุมเครือ อาจทำให้ประชาชนสับสน ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของการออกเสียงประชามติ และอาจมีการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตีความหมายของจนนำไปสู่การดำเนินคดีเอาผิดกับประชาชน

      และแม้สุดท้ายศาลจะเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย แต่ระหว่างที่ถูกดำเนินคดีก็ต้องถือว่าประชาชนได้รับผลกระทบไปแล้ว ซึ่งโทษตามกฎหมายดังกล่าวเป็นโทษทางอาญา และที่สำคัญ การดำเนินการทางคดีอาญา จะต้องมีความชัดเจน หากไม่ชัดเจนจะขัดต่อหลักการของกำหมาย และที่สุดการออกเสียงประชามติครั้งนี้อาจก่อความวุ่นวายมากกว่าความสงบเรียบร้อย ส่วนวรรคสาม และ วรรคสี่ของ พ.ร.บ.การทำประชามติฯ ที่ไอลอว์ เสนอให้วินิจฉัยด้วยนั้น ผู้ตรวจการฯ เห็นว่า เป็นดุลยพินิจของผู้ออกกฎหมาย และเป็นบทลงโทษที่อยู่ในดุลยพินิจของศาลยุติธรรม ผู้ตรวจการฯ จึงไม่อาจก้าวล่วง