สาวลึก!!!"พายัพ ชินวัตร"ขน 120 ล.จ่ายหนี้ ธพว.ได้อย่างไร ? ทั้งที่ ธุรกิจกำลังขาดทุน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่www.tnews.co.th

สำนักข่าวอิศรา สาวลึก !  ธพว.ปล่อยกู้  ชินวัตรไทย 95 ล. ปริศนา ? "พายัพ ชินวัตร"ขนเงิน ชำระหนี้ 5 งวด 120 ล. ช่วง นั่งเก้าอี้ ส.ส.เชียงใหม่ ทั้งที่  ธุรกิจกำลังมีปัญหา ขาดทุน-มีเงินสดแค่ 2.9 ล. ก่อนปล่อยเป็น NPL

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org  เกาะติด การปล่อยสินเชื่อ อย่างมีเลศนัย กรณี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และ ขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ปล่อยกู้ บริษัท ชินวัตรไทย ของนายพายัพ ชินวัตร เมื่อปี 2545 จำนวน 95 ล้านบาท ต่อมาลูกหนี้รายนี้เป็น NPL และธพว.ได้ประมูลขายให้ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด (บบส.ศรีสวัสดิ์) เพียง 10 ล้านบาท  ทว่าเมื่อ ค้นข้อมูล การปล่อยกู้ รีไฟแนนซ์ ให้ บริษัท ชินวัตรไทย เมื่อปี 2545  ส่อผิดปกติ 5 ประการ อาทิ จดทะเบียนหลักประกันจำนอง ที่ดิน เครื่องจักร ไม่ครบถ้วน ประเมินราคาที่ดินส่อสูงเกินจริง

 

สาวลึก!!!"พายัพ ชินวัตร"ขน 120 ล.จ่ายหนี้ ธพว.ได้อย่างไร ? ทั้งที่ ธุรกิจกำลังขาดทุน

ล่าสุด มีการ นำข้อมูล การชำระหนี้ตามข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และ ช่วงหลักประกันถูกรื้อถอน มาเสนอ โดย หลังจากลูกหนี้ได้รับอนุมัติสินเชื่อ สิงหาคม 2545 ต่อมา เมษายน 2546 หรือผ่านไปเพียง 7 เดือน ลูกหนี้ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ครั้งแรก โดยขอผ่อนผันการชำระหนี้เงินกู้ แต่ต่อมาปลายปี 2547 และปี 2548 ปรากฏว่าลูกหนี้ได้นำเงินมาชำระหนี้กับ ธพว. เป็นเงินก้อนใหญ่ ดังนี้
-ธันวาคม 2547 ชำระ 2 ครั้ง 26.2 ล้านบาท
-มกราคม 2548 ชำระ 1 ครั้ง 20.15 ล้านบาท
-กุมภาพันธ์ 2548 ชำระ1 ครั้ง 15.7 ล้านบาท
-มิถุนายน 2548 ชำระ1 ครั้ง 58.15 ล้านบาท
รวม 5 ครั้ง 120 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด ถึงแม้จะมีเงินต้นเพียง 95 ล้านบาท เพราะได้เกิดดอกเบี้ยขึ้นเป็นจำนวนสูงในช่วงที่หยุดชำระ จึงทำให้ ณ สิ้น มิถุนายน 2548 มีเงินต้นคงค้างอยู่ 34.85 ล้านบาท และดอกเบี้ยประมาณ 20 ล้านบาท ต่อมาปี 2549 ลูกหนี้ได้ชำระอีกประมาณ 2-3 แสนบาท ต่อเดือน อีก 8 เดือน แล้วก็หยุดชำระหนี้ตั้งแต่นั้นมา

จากการตรวจสอบงบการเงินบริษัท ชินวัตรไทย จำกัด พบว่า รอบปี 2546 บริษัทฯแจ้งว่ามีรายได้รวม 62,206,666.72 บาท ขาดทุนสุทธิ 19,821,601 บาท สินทรัพย์ 826,832,087.13 บาท (เงินสดและเงินฝากรวม 2,291,503.81 บาท ) หนี้สิน 1,594,062,605 บาท ขาดทุนสะสม 800,230,518.06 บาท
 

รอบปี 2547 บริษัทฯแจ้งว่ามีรายได้รวม 60,844,640.24 บาท ขาดทุนจากกิจกรรมตามปกติ49,266,320.12 บาท สินทรัพย์ 551,173,844.88 บาท (เงินสดและเงินฝากรวม 2,106,355.23 บาท ) หนี้สิน 440,543,818.28 บาท
น่าสังเกตว่า การชำระหนี้ด้วยเงินก้อนใหญ่ถึง 120 ล้านบาท ช่วงปลายปี 2547 และปี 2548 ลูกหนี้ได้เงินมาจากแหล่งใด ? ในขณะที่ธุรกิจกำลังมีปัญหา (ขณะนั้น นายพายัพ เป็นส.ส.เชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2548 )

 
หลังลูกหนี้รายนี้มีปัญหา NPL ธนาคารฯ ได้เข้าไปประเมินราคาอีกครั้งในปี 2552 อย่างไรก็ตามการสำรวจหลักประกันเพื่อทบทวนราคาในปีนั้น ผู้สำรวจไม่สามารถเข้าไปในโรงงานได้ เนื่องจากหยุดการผลิตและปิดโรงงานโดยสิ้นเชิงแล้ว จึงตั้งสมมติฐานว่าเครื่องจักรอยู่ครบทั้งจำนวน 293 รายการ และประเมินราคาใหม่ในปี 2552 โดยใช้ฐานข้อมูลราคาจากการประเมินราคาครั้งก่อนแล้วหักด้วยค่าเสื่อมราคา ขณะที่ผู้ประเมินเองราคาไม่ได้เห็นเครื่องจักรกับตาตัวเอง ซึ่งยังเป็นข้อสงสัยว่าเครื่องจักรทั้งหมดยังอยู่ครบถ้วนในโรงงาน หรือไม่ ทำให้คณะกรรมการที่มีหน้าที่พิจารณาราคาประเมินของ ธพว.ได้กำหนดเงื่อนไขให้หน่วยงานที่ดูแลลูกหนี้ติดต่อลูกหนี้เพื่อเข้าไปดูกิจการและเครื่องจักร แต่ก็ไม่ปรากฏว่าหน่วยงานที่ดูแลลูกหนี้คือสายงานบริหารสินทรัพย์ ได้ดำเนินการติดต่อลูกหนี้เพื่อเข้าตรวจเยี่ยมกิจการและดูว่าหลักประกันยังอยู่ครบถ้วนหรือไม่

ในปี 2555 ซึ่งครบระยะเวลา 3 ปี ที่ ธพว.จะต้องทบทวนราคาประเมินหลักประกันของลูกหนี้รายนี้อีกครั้ง ปรากฏว่าในครั้งนี้ ตัวอาคารโรงงานถูกรื้อ และเครื่องจักรถูกขนย้ายออกไปทั้งหมดคณะกรรมการที่มีหน้าที่พิจารณาราคาประเมินของ ธพว. จึงอนุมัติราคาประเมินเฉพาะที่ดิน เป็นเงิน 15.5 ล้านบาท และกำหนดให้ฝ่ายประเมินราคาหลักประกันจัดทำบันทึกแจ้งหน่วยงานที่ดูแลลูกหนี้เพื่อทราบ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าฝ่ายประเมินราคาหลักประกัน และผู้บริหารระดับสูงที่กำกับดูแลฝ่ายงานนี้ได้จัดทำบันทึกดังกล่าวแต่ประการใด

กรณีนี้น่าสงสัยว่า การที่หลักประกันถูกรื้อถอน หรือไม่สามารถเข้าตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับสถาบันการเงินโดยทั่วไปที่ปล่อยสินเชื่อ แต่ทำไมผู้บริหารของ ธพว.จึงไม่ให้ความสนใจ กรณีนี้เป็นการปกปิดข้อมูล เพื่อไม่ต้องการให้เรื่องการรื้อหลักประกันของลูกหนี้ ถูกเผยแพร่อื้อฉาวออกไป แล้วจึงค่อยหาทางแก้ไขภายหลังหรือไม่? เป็นเรื่องที่หน่วยงานตรวจสอบ ต้องทำให้กระจ่าง