สตช. สั่งสอบด่วน ตำรวจสน.ประชาชื่นทำคดีหญิงไก่

การตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะพนักงานสอบสวนที่ทำคดี นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ หญิงไก่ แจ้งความเอาผิดลูกจ้างว่าลักทรัพย์นายจ้างจำนวน 9 คดี เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประชาชื่น

พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น.เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ หญิงไก่ แจ้งความเอาผิดลูกจ้างว่าลักทรัพย์นายจ้างจำนวน 9 คดี เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประชาชื่น ว่า จากการตรวจสอบพบว่าสำนวน มีความบกพร่อง โดนจะแบ่งเป็น2 ลักษณะ คือ ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่419/2556 คือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ และ ป.วิอาญา131 คือต้องตรวจสอบทันที รวบรวมพยานหลักฐานเมื่อสงสัยและไม่ชักช้า

ผลการตรวจสอบจากเอกสารที่ปรากฎพบว่า มีระดับพนักงานสอบสวนทั้งหมด 7 นาย ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ 419 และ ป.วิอาญา131 อีกทั้งยังมีความผิดพ.ร.บ.ตำรวจปี 2547 ระดับหัวหน้างานสอบสวนที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น จำนวน 3 นาย ระดับผู้กำกับสถานีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น จำนวน 4 นาย ระดับรองผู้บังคับการที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้นอีก 2 นาย รวมทั้งสิ้น 16 นาย ซึ่งตนจะรายงานให้กับทางพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ทราบ

 

สำหรับจะมีการโยกย้ายนายตำรวจทั้งหมดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ 2 ประเด็นคือ

1.อยู่แล้วก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่

 

2.อยู่แล้วมีการเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานหรือไม่

 

หากพบว่ามีตามประเด็นข้างต้นก็จะต้องทำการโยกย้าย

 

 ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบสำนวนทั้ง 9 คดีไม่พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารใด อย่างไรก็ตามสำหรับทั้ง 16 นายนั้นจะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนางไก่หรือไม่นั้นตนยังไม่ทำการตรวจสอบและยังไม่มีการเรียกมาสอบปากคำแต่อย่างใด ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ว่า ในส่วนของตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นซึ่งมีทั้ง 10 หรือ 13 คนนั้น จะ 10 คน หรือ 13 คน ก็อย่าไปกังวล เพราะเราทำไปตามข้อเท็จจริง ฉะนั้นการตรวจสอบวันนี้ได้แค่ 10 พรุ่งนี้อาจจะได้ 13 มันก็ขยายไปเรื่อย เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าไม่ได้มีการปกป้องในส่วนที่กระทำความผิดหรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้สบายใจ ว่าเราได้ทำตรงไปตรงมา หากตำรวจที่ทำสำนวนคดีให้กับหญิงไก่นอกจากความผิดทางด้านวินัยแล้วจะมีความผิดทางด้านอาญาหรือไม่ ตรงนั้นต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เบื้องต้นผิด ตามระเบียบคำสั่ง ตร. ที่ 419 ไม่เพียงเท่านั้นในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมของ นางมณตาหรือหญิงไก่ อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานในคดีเพิ่มเติม

พล.ต.ท.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ พร้อมพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม นำหมายศาลเข้าขอค้นห้องพักเลขที่ 3/551 และ 3/552 ของคอนโดมิเนียม ที่เป็นห้องพักของ หญิงไก่ และบุตรชายอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี่ได้เข้าตรวจค้นแล้วครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนี้เป็นการเข้าค้นเพื่อตรวจสอบหาหลักฐานในคดีเพิ่มเติม แต่ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่นำหมายศาลเข้าแสดงต่อนิติบุคคลของอาคารดังกล่าว ปรากฏว่าบุตรชายนางไก่ที่ปรากฏชื่อเป็นเจ้าของห้องเลขที่ 3/552 ไม่อยู่และไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจค้นได้ โดยชุดพนักงานสอบสวนจะกลับไปประชุมเพื่อวางแผนการเข้าค้นครั้งต่อไป รวมถึงการขออนุมัติหมายค้นอีกครั้ง เนื่องจากหมายค้นในครั้งนี้ระบุวันเข้าค้นเพียงวันนี้เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ได้มอบข้อมูลบุคคลใกล้ชิดนางไก่ที่สูญหายไร้ร่องรอยของเศรษฐินีเจ้าของที่ดินใน จ.อุดรธานี

ถึงขนาดที่ระบุว่าเศรษฐีนีคนดังกล่าว ถูก"ฆาตกรรมอำพราง"ด้วยวิธีการรัดคอให้ขาดลมหายใจ ซึ่งเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ ได้ไปตรวจสอบที่ บ้านเลขที่ 31/2 หมู่ 8 ซอยบ้านคำบง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่ระบุว่าเป็นบ้านของนางฉวีวรรณ ตั้งวิริยกุล เศรษฐินีอุดรธานี ที่ตกเป็นข่าวไปเกี่ยวข้อง หรืออาจจะเป็น 1 ในเหยื่อของ นางมณตา ซึ่งนางโฉมศรี ประจันตะเสน น้องสาวนางฉวีวรรณ ระบุว่า เห็นข่าวหญิงไก่ ใน จำได้ว่าเป็นผู้หญิงที่อ้างตัวเป็น “คุณหญิง” มีคนรับใช้ 2 คน ชายฉกรรจ์อีก 4-5 คน ติดตามตลอดเวลา ไปไหนมาไหนมีรถนำขบวน ถือศีลนุ่งขาวห่มขาว มีญาณวิเศษใบ้หวยได้ เป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้พี่น้องของเราทะเลาะกัน แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาหลายปีแล้วก็ตาม ครั้งหนึ่ง นางหญิงไก่ได้มาบ้าน แนะนำตัวเป็นคุณหญิง ต่อมามีคนเห็นนางหญิงไก่ ขนตู้เซฟแม่ออกจากบ้าน ข้างในมีทองรูปพรรณหนัก 30 บาท ตนกับแม่จึงไปแจ้งความ วันเดียวกันนางหญิงไก่ให้ลูกน้องขนมาคืน แต่ทองรูปพรรณข้างในเป็นของจริงแค่ 5 บาท ตอนนั้นทุกคนต่างกลัวอิทธิพล เกรงจะได้รับอันตรายหากโวยวาย จึงได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าพูด ไม่เพียงเท่านั้น วันที่ 2 ธันวาคม 2546 นางหญิงไก่โทรศัพท์มาบอกว่า นางฉวีวรรณเสียชีวิตแล้ว แต่นัดทำพิธีฌาปนกิจศพเพียง 1 วัน ที่วัดศรีสว่าง อ.สว่างแดนดิน โดยญาติพี่น้องไม่ได้ไปร่วมพิธีเลย เถ้ากระดูกก็ไม่ได้นำกลับมา โดยก่อนหน้านั้น 7 วัน นายปิติและนางหญิงไก่ ได้พานางฉวีวรรณออกจากบ้าน อ้างนำไปรักษาที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งวันออกจากบ้านเห็นหิ้วปีกไป เชื่อว่าพาไปโอนที่ดินมากกว่า เพราะรู้ภายหลังมีการโอนชื่อนายปิติ เป็นเจ้าของที่ดินบ้านแปลง 2 งาน ปลายเดือน พ.ย.ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วัน ปีต่อมาแม่ก็ตรอมใจเสียชีวิต