สาธุเด้อ! "หลวงปู่น้อย" เกจิแดนอีสาน พระนักปฏิบัติสละละสังขารอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อยแถมผิวพรรณเปล่งปลั่ง กราบสาธุ!!!

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

     ศพของหลวงปู่น้อย อดีตเจ้าอาวาสวัดชลสิทธิ์ จ.ขอนแก่น ซึ่งมรณภาพระหว่างธุดงค์ สิริอายุ 88 พรรษา หลังเก็บสรีระไว้ในโลงแก้วกว่า 10 เดือน สรีระไม่เน่าเปื่อย ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่กลับมาอ่อนนุ่มเหมือนคนหลับ

 

สาธุเด้อ! "หลวงปู่น้อย" เกจิแดนอีสาน พระนักปฏิบัติสละละสังขารอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อยแถมผิวพรรณเปล่งปลั่ง กราบสาธุ!!!

 

    ในวันที่ 7 เม.ย. 55 ที่วัดบ้านโนนสว่าง ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านพากันแตกตื่น หลังจากการเตรียมการในพิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่น้อย อดีตเจ้าอาวาสวัดชลสินธิ์ บ้านโนนข่า อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งเมื่อต้นปี 2554 ระหว่างธุดงค์ ได้เข้ามาจำวัดที่วัดบ้านโนนสว่าง แต่เกิดอาพาธและได้มรณภาพในเวลาต่อมา และด้วยเป็นพระเกจิจากการวิปัสสนาที่ชาวบ้านเลื่อมใส จึงได้นำสรีระเก็บไว้ภายในโลงแก้ว เพื่อรอพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 8 เม.ย. 55 แต่ระหว่างที่เตรียมการบรรดาศิษยานุศิษย์ ได้เปิดโลงแก้วแต่กลับพบว่า สรีระของหลวงปู่น้อย ไม่เน่าไม่เปื่อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้สภาพสรีระเริ่มแห้งเหมือนศพธรรมดาทั่วไป

 

สาธุเด้อ! "หลวงปู่น้อย" เกจิแดนอีสาน พระนักปฏิบัติสละละสังขารอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อยแถมผิวพรรณเปล่งปลั่ง กราบสาธุ!!!

     พระชูชาติ ผู้ดูแลสรีระ หลวงปู่น้อย เล่าว่า หลวงปู่น้อยละสังขารเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2554 โดยมี สิริอายุ 88 พรรษา ด้วยความเลื่อมใส จึงเก็บสรีระเอาไว้ในโลงแก้ว แต่ความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ขณะที่ทำความสะอาดโลงแก้วปรากฏเห็นสภาพร่างกายกลับมีเนื้อหนังขึ้นมาจึงได้เปิดดู และยังพบว่าตามร่างกายกลับมีสภาพที่นิ่มนวลเหมือนคนนอนหลับ อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งสร้างความอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ชาวบ้านที่เลื่อมใสต่างพากันกราบไหว้ และเชื่อว่าสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากบารมีของหลวงปู่น้อย ที่บำเพ็ญภาวนาในสายพระกรรมฐาน

 

สาธุเด้อ! "หลวงปู่น้อย" เกจิแดนอีสาน พระนักปฏิบัติสละละสังขารอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อยแถมผิวพรรณเปล่งปลั่ง กราบสาธุ!!!

 

สาธุเด้อ! "หลวงปู่น้อย" เกจิแดนอีสาน พระนักปฏิบัติสละละสังขารอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อยแถมผิวพรรณเปล่งปลั่ง กราบสาธุ!!!

 

     สำหรับหลวงปู่น้อย เป็นพระสายมหานิกาย โดยบวชเรียนตั้งแต่อายุ 20 ปีบริบูรณ์ เดิมเป็นชาว จ.มหาสารคาม แต่หลังจากบวชเรียนแล้วได้ธุดงค์ไปในหลายจังหวัดของภาคอีสาน และด้วยร่างกายมีความสูงเพียง 130 ซ.ม. ทำให้ชาวบ้านจึงได้เรียกท่านว่า หลวงปู่น้อย