ตรวจสอบ "ธัมมชโย" หลังพบว่าถูกแจ้งข้อหาเพียบ - ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม (ชมคลิป)

ตรวจสอบ "ธัมมชโย" หลังพบว่าถูกแจ้งข้อหาเพียบ - ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

หลังจากที่ศาลศาลจังหวัดเลยออกหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน อ.ภูเรือ จ.เลย หลังพบว่ามีการออกหลักฐาน นส.3 ก อันเป็นเท็จ ในประเด็นดังกล่าวนี้เองได้สร้างความไม่พอใจให้กับวัดพระธรรมกายเป็นอย่างยิ่ง และเตรียมที่จะขอคัดค้านกระบวนการออกมาหมายจับ

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่สปก.และตำรวจเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือ หลังพบว่ามีการออกหลักฐาน นส.3 ก อันเป็นเท็จ รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือ จากการรวม นส.3 ก จำนวน 10 แปลง มีเนื้อที่รวม 84-3-21 ไร่ ไปเป็น นส.3 ก ฉบับเดียว โดยออกให้ในชื่อ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย แต่กลับมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นเป็น 129-1-10 ไร่ ขณะที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยนายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความ ชี้แจง ดังนี้
1.ขอยืนยันว่า พื้นที่ของสวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 726 เล่ม 8ก หน้า 26 เลขที่ดิน 87 หมายเลข 5247 แผ่นที่ 118 ตำแหน่งที่ดิน ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือจังหวัดเลย มีพื้นที่ 129 ไร่ ตามเอกสารทางราชการดังกล่าวนี้เท่านั้น ปัจจุบันผู้ครอบครอง คือ วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) แต่อย่างใด
2.ขอยืนยันว่า พื้นที่ 52 ไร่ นอกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 726 ไม่ใช่พื้นที่ของสวนป่าหิมวันต์ หรือ วัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี แต่อย่างใด ปัจจุบันเป็นของนายศุภมิตร ชินวงศ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านบ้านแก่ง หมู่ 1 ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และพื้นที่ดังกล่าวก็อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยได้ถูกจำแนกออกจากเขตป่าไม้ถาวรและเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ(ป่าหมายเลข 23) ตามมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2532 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2532

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวกรณีศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ดูแลร่วมยึดครองหลังพบว่ามีการออกหลักฐาน นส.3 ก อันเป็นเท็จ รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือว่า ในส่วนของดีเอสไอมีหมายจับกุมพระธัมมชโยอยู่แล้วและทัง 2 หน่วยงานไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือดีเอสไอหากพบตัวก็สามารถจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที อย่างไรก็ตาม จากการติดตามข้อมูลทางการข่าว  ขณะนี้พระธัมมชโยยังอยู่ภายในบริเวณวัด ส่วนการขอศาลอนุมัติหมายค้นวัดพระธรรมกายรอบ 2 เพื่อเข้าจับกุมพระธัมมชโยนั้น ดีเอสไอต้องมีหลักฐานเพียงพอให้ศาลเชื่อว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริง และระหว่างนี้ต้องรอให้อัยการใช้ดุลยพินิจสั่งคดีในวันที่ 30 ส.ค.นี้ก่อน จึงจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ต่อกรณีการถูกแจ้งข้อกล่าวหาของพระธัมมชโย ซึ่งขณะนี้มีทั้ง ข้อหาบุกรุกป่าสงวน ข้อหารับของโจร ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และอีกหนึ่งพื้นที่นั่นคือกรณีของศูนย์ปฎิบัติธรรม เวิล์ดพีช วัลเลย์เขาใหญ่  ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะและนำพื้นที่ไปใช้ไม่เหมาะสม

กลุ่มสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย นำโดย ร.ท.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานสมาพันธ์ฯ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อให้พิจารณากำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาการสร้างวัด และที่พักสงฆ์ ที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินราชการ โดยเฉพาะป่าสงวน โดยสันติวิธี และให้มีผลกระทบต่อพระสงฆ์และชุมชนน้อยที่สุด โดย ร.ท.บรรจบ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวและข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์และวัดหลายแห่ง อาทิ สำนักสงฆ์เขาบัวน้อย จ.กาญจนบุรี ที่พักสงฆ์แสงประทีป จ.บุรีรัมย์ วัดกัลยณมิตร กทม. วัดถ้ำเนรมิต จ.กาญจนบุรี ที่พักสงฆ์ป่าดงระแนง จ.กาฬสินธุ์ และที่อื่นอีกกว่า 4,000 แห่ง ซึ่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งนี้ วัดถือเป็นสมบัติสาธารณะ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เป็นศูนย์รวมจิตใจ มีความผูกพันกับชุมชน หากรัฐพบว่าการสร้างวัดไม่ถูกกฎหมาย ควรให้คำแนะนำหาทางออกโดยสันติวิธีร่วมกับชุมชน ควรปฏิบัติต่อวัดและภิกษุด้วยจิตเมตตาเคารพ ส่วนการขับไล่ รื้อถอน ทุบทิ้ง หรือดำเนินคดีตามกฎหมายอื่นนั้น ขอให้เป็นทางออกสุดท้าย