ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

 

ประชุมวุฒิสภาบราซิลลงมติถอดถอน ประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ออกจากตำแหน่ง ด้วยคะแนนเสียง 61 - 20 โดยระบุว่าเธอละเมิดกฎหมายงบประมาณ ใช้เงินโดยผิดกฎหมายจากธนาคารหลายแห่งของรัฐ เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายในภาครัฐ รูสเซฟฟ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 36 ของบราซิล ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2554 การถอดถอนเธอโดยสภานิติบัญญัติ เป็นอันยุติการครองอำนาจนาน 13 ปี เหนือประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของทวีปอเมริกาใต้ ของพรรคคนงาน ที่มีแนวนโยบายเอียงซ้ายสังคมนิยม

 

 

นายมิเชล เทเมอร์ อดีตรองประธานาธิบดี ที่ทำหน้าที่รักษาการผู้นำบราซิล นับตั้งแต่รูสเซฟฟ์ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ในเดือน พ.ค. จะสาบานตนต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในเวลา 16.00 น.ของเดียวกัน เพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดี ทำหน้าที่ตามวาระที่เหลืออยู่ของรูสเซฟฟ์จนถึงปี พ.ศ. 2561 ภายหลังการถูกถอดถอน รูสเซฟฟ์วัย 68 ปี บุตรสาวของผู้อพยพชาวบัลแกเรีย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า การลงมติถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ถือเป็นการ ก่อรัฐประหารในรัฐสภาโดยขั้วการเมืองฝ่ายขวา พร้อมกับประกาศจะพาพรรคคนงานของเธอจะกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง

 

ผู้นำบราซิล ถูกกล่าวหาว่าใช้งบประมาณไม่เหมาะสม นอกจากนั้นยังมีการปรับแต่งบัญชีงบประมาณ เพื่อให้ดูว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นยังดีอยู่ แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเธอก็หนีความจริงไม่พ้น เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกส่งเข้าสภา และมีมติ ให้ส่งต่อให้วุฒิสภาทำการถอดถอน ซึ่งเธอก็แย้งมาตลอดว่า ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ทำแบบที่เธอทำ และผลสุดท้ายเธอก็ต้องสิ้นสภาพผู้นำ หากย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นบทเรียนให้กับนักการเมืองไทยได้เช่นกันว่า ใครก็ตามที่เข้าสู่วงจรทุจริต วันหนึ่งความจริงก็จะปรากฏ และก็จะไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป