ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

     ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรมต.กำลังอยู่ในกระบวนการการไต่สวนทางคดีในฐานะจำเลยคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จนเป็นเหตุให้รัฐต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งคดีความดังกล่าวนี้ก็อยู่ในชั้นของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กับการไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยที่คืบหน้าไปเป็นนัดที่ 3 แล้วในวันนี้ และกระบวนการต่างๆ ก็มีการคาดหมายว่าจะจบได้ในราวต้นปีหน้า

     ส่วนอีกคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็คือการถูกเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการความรับผิดชอบทางแพ่งที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน และก็มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเกาะติดประเด็นทุจริตเรื่องนี้มาโดยตลอด ได้ออกมาเปิดเผยว่าขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวใหม่ คือตัวเลขความเสียหายลดลงไปเหลือแค่เพียง 1 แสน 8 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตัวเลขนั้นเคยสรุปไว้ที่ 2.86 แสนล้าน และที่สำคัญน.ส.ยิ่งลักษณ์จะโดนเรียกค่าเสียหายจากกรณีที่เกิดขึ้นเพียง20เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขความเสียหายทั้งหมดอีกด้วย คือ 35,717ล้านบาท

     และกับกรณีการออกคำสั่งทางปกครองในเคสของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ให้จับตาดูกระบวนการทุกอย่างที่มีการคาดหมายว่าน่าจะเสร็จก่อนที่ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลางจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนนี้ คืออย่างไรซะทุกฝ่ายยืนยันว่ากระบวนการเรียกค่าเสียหายนส.ยิ่งลักษณ์นั้นจะจบและเสร็จทันก่อนคดีจะหมดอายุความในเดือนกพ.แน่ นั่นก็หมายความว่า นับจากนี้เป็นต้นไปในช่วงระยะเวลา3-4เดือนนี้ คงเป็นช่วงที่นส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องได้ลุ้นกันหนักกับคดีใหญ่2คดีนี้ ที่ใกล้จุดชี้เป็นชี้ตายอนาคตของนส.ยิ่งลักษณ์เข้าไปทุกที และที่สำคัญยังมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องติดคุก และถูกยึดทรัพย์อีกด้วย