อดีตชาติครูบาศรวิชัย  ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

อดีตชาติครูบาศรวิชัย  ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!

อดีตชาติครูบาศรวิชัย  ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!

หลวงปู่ตื้อ (อจลธมฺโม) เล่าให้ฟังว่า...

“ ครูบาศรีวิชัยท่านเทศน์น้อย แต่รู้จักความนึกคิดของผู้คน รู้ได้ใกล้ไกล เจริญแต่คาถาอิติปิโสฯ อยู่เป็นนิจ ทีแรกอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) จะสอนวิปัสสนากรรมฐานบอกอุบายธรรมให้ แต่เมื่อท่านเจ้าคุณพระอุปัชฌาย์ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ(จันทร์ สิริจันโท) ท่านให้พิจารณาจึงรู้ได้ว่า ยังไม่อาจที่จะบรรลุมรรคผลได้ แต่จักได้ด้วยตัวตนของครูบาเจ้าเอง เป็นอิติปิโสฯ ได้เอง ” (สำเร็จในพุทธภูมิโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)

ครูบาศรีวิไชย เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ บำเพ็ญมาอย่างรวยอุตมลาภ ชาติชีวิตนี้ไปไหนมาไหน ก็มีผู้คนแห่แหนเอาเงินเอาปัจจัยทั้ง ๔ มาทำบุญให้ทาน ท่านก็เอาไปสร้างวัดได้หลายร้อยวัด ทั้งบูรณปฏิสังขรณ์และทำขึ้นมาใหม่ก่อสร้างร่างแปลน แต่เช้าจนค่ำคืน นั่งปันพรให้แก่ผู้เอาเงินมาให้ถวายทาน เทศน์ธรรมก็บอกแต่ว่า “ ให้สวดท่องอิติปิโส ” สอนผู้คนชาวบ้านให้ถือศาสนารักษาศีล ๕ ศีล ๘ สอนคนก็สอนจี้ลงไปที่ใจ

ท่านภาวนาเก่ง รู้ใจผู้คนหลายอย่าง ตายแล้วยังลุกขึ้นมาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง ได้แล้วเสร็จ (เชื่อมต่อจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดลำพูน) พระภาคเหนือรังเกียจท่านมาก แต่พอท่านจากไปพระแต่ละองค์ก็อ้างว่า...“ ข้าลูกศิษย์ครูบ๋าเจ้า ” “ ข้าก็ลูกศิษย์ครูบ๋าเจ้า ”

อดีตชาติครูบาศรวิชัย  ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!

ในสมัยพุทธกาลนั้นใช้ชาติเป็นพญาช้างป่าเลไลย์ เป็นหัวหน้าฝูง เกิดความเบื่อหน่ายหนีออกจากฝูง อยู่วิเวกหากินตนเดียว ในเวลาเดียวกับที่ พระพุทธเจ้าโคตมะ ที่หนีเข้าป่าเพราะเบื่อหน่ายในลูกศิษย์พระสงฆ์ทะเลาะกัน จึงหนีเข้าป่าพระองค์เดียวจุดประสงค์เพื่อลงโทษสงฆ์ ๒ หมู่นั้นที่ทะเลาะกัน ใครเตือนใครบอกก็มิฟัง และด้วยพระมหาเมตตากรุณา พระพุทธองค์ก็มาโปรดพญาช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์ด้วย พญาช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์ปฏิบัติองค์พระพุทธเจ้าโคตมะตลอดพรรษา การปฏิบัติพุทธะอุปฏฺฐาก ตอนเช้าตอนแลงจะต้มน้ำร้อนเพื่อให้พระพุทธเจ้าทรงสรงน้ำชำระพระวรกาย โดยการหาก้อนหินใหญ่หากิ่งไม้แห้งเอามากองทับก้อนหินใหญ่ข้างบ่อน้ำ แล้วเอางวงจับไม้แห้งสีกันจนเกิดเป็นไฟ พอไฟไหม้ก้อนหินได้ทีแล้ว ก็เอางวงและเท้าค่อย ๆ กลิ้งก้อนหินร้อนลงบ่อน้ำ จากนั้นก็เอางวงจุ่มน้ำพอได้ที ก็ไปกราบนิมนต์พระพุทธเจ้ามาสรงน้ำชำระพระวรกาย ตอนเช้า ๆ ก็ออกไปหาผลไม้รากไม้ มีกล้วยสุก มีมะม่วงสุก และผลไม้อื่น ๆ ตามที่พญาช้างสิหามาได้ นำมาถวายใส่บาตรพระพุทธเจ้า พญาช้างออกหากินไม่ไกลจากที่พระพุทธเจ้าทรงประทับ เพราะมีความรักและเป็นห่วง อยากจะอยู่อุปฏฺฐากและปกป้องระวังภัย พอตกตอนกลางคืนพญาช้างก็เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยและปกป้องระวังภัยรอบที่พักของพระพุทธเจ้าอยู่ห่าง ๆ ตลอดทั้งคืนไม่ให้สัตว์ร้ายหรือสิ่งอื่นมารบกวนพระพุทธเจ้า พญาช้างป่าเลไลย์โพธิสัตว์ทำอยู่อย่างนี้ทุกวันเป็นนิตย์ตลอดพรรษานั้น

อดีตชาติครูบาศรวิชัย  ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!

พอออกพรรษาแล้วพระพุทธเจ้าโคตมะลาออกจากป่า พระอานนท์มหาเถระเจ้า มานิมนต์กลับเข้าบ้านเมืองเพื่อโปรดสัตว์โลกต่อไป พอออกจากป่าก็เดินตามพระพุทธเจ้า จนพระพุทธเจ้าบอกเป็นเขตแดนมนุษย์เจ้าไปต่อกับเราตถาคตไม่ได้จักเป็นอันตรายแก่เจ้าเอง พอพระพุทธเจ้าเดินลับตาเท่านั้น ด้วยความอาลัยในพระพุทธเจ้าหัวใจก็สลายวายตายลงตรงนั้น ไปจุติเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นฟ้า

แล้วมาชาตินี้มาเกิดเป็นครูบาศรีวิไชย เมืองลำพูน นักบุญแห่งล้านนา ”....

ต่อไปในภายภาคหน้าจักได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๐(พระสุมังคโลพุทธเจ้า) มาตรัสรู้อยู่เมืองเชียงใหม่ นับจากพระศรีอาริยเมตไตรโย...

 

 

 

ที่มา : ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๓๐

         (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร