น้อยไปป่่ะ!!! ก.คลังสวนกระแสสังคมสรุปเรียกค่าเสียหาย"ยิ่งลักษณ์ "  3.5 หมื่นล้าน  ลั่นไม่มีการเมืองแทรกคดีทุจริตจำข้าว!!?!!

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

กระทรวงคลัง สรุปค่าเสียหายจาก โครงการจำนำข้าว สมัย "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" 3.5 หมื่นล้าน โดยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับผิดชอบไปคนเดียวเต็มๆ  20 เปอร์เซนต์ ของค่าเสียหายทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 80 เปอร์เซนต์ ให้ทวงคืนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง กล่าวว่า ได้ส่งข้อสรุปเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจำนำข้าวในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปยัง น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมบัญชีกลางแล้ว กระบวนการหลังจากนี้จะส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เสียหายจำนำข้าว คือ สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะต้นสังกัดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ส่งไปยังกระทรวงการคลังเพื่อให้ลงนามคำสั่งทางปกครอง ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบค่าเสียหาย โดยในส่วนค่าเสียหายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดเชยให้รัฐอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เป็นการคิดจากค่าเสียหายใน 2 โครงการจำนำข้าว คือ โครงการรับจำนำในฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2555/2556 และ ฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2556/2557 วงเงินความเสียหายรวม 1.78 แสนล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบค่าเสียหายในสัดส่วน 20% ที่เหลือ 80% ผู้ทำให้เกิดความเสียหายรองลงมาต้องรับผิดชอบตามสัดส่วน

นายมนัส กล่าวว่า ส่วนความเสียหาย 80% ที่เหลือคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งเสนอแนะไปว่า หน่วยงานที่เกิดความเสียหายต้องมีการสืบสวนและต้องเรียกความเสียหายดังกล่าว โดยมีระยะเวลาเรียกค่าเสียหายภายใน 10 ปี นับจากเกิดความเสียหาย ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น หากไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องค่าเสียหายตรงนี้สามารถฟ้องศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง หลังจากที่ได้รับคำสั่งทางปกครองแล้วได้ แต่ถ้าไม่คัดค้านจะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหาย เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องฟ้องคัดค้านแน่ ไม่ได้กังวลเพราะถือเป็นการทำตามหน้าที่

“ข้อสรุปครั้งนี้เรียกร้องค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว เนื่องจากคณะกรรมการฯชุดนี้ พิจารณาความผิดตามข้อสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ที่มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย เป็นประธาน ส่งเรื่องมาและเป็นไปตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล โดยคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ ยืนยันการทำหน้าที่ของคณะกรรมการว่ามีความเป็นกลางพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร และยืนยันว่าการเมืองไม่ได้แทรกแซงการพิจารณาครั้งนี้” นายมนัสกล่าว