ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

หลังจากที่ศาลรธน.ได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับร่างรธน.ในประเด็นคำถามพ่วงออกมา โดยให้คณะกรรมการร่างรธน.ไปปรับแก้เนื้อหาใน 2 ประเด็น เพื่อให้สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติภายในกำหนดระยะเวลา 15 วัน คือ ให้รัฐสภาซึ่งประกอบไปด้วยสส.และสว.เลือกนายกรมต.จากบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีพรรคการเมืองนั้นว่าจะต้องมีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของทั้ง 2 สภา และอีกประเด็นศาลรธน.ก็วินิจฉัยให้การเลือกนายกรมต.นั้นสามารถกระทำได้ตลอดระยะเวลา 5 ปี โดยจะมาจากคนใน หรือ คนนอกบัญชีพรรคการเมืองก็ได้ทั้งสิ้น สรุปก็คือเป็นอันจบ และยุติกันไปกับประเด็นสว.มีสิทธิ์เสนอชื่อนายกรมต.หรือไม่นั่นคือหมดสิทธิ์


 


 

 

 

แต่ที่เป็นประเด็น และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเวลานี้มากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องนายกคนนอก โดยเฉพาะกับที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรมต.และหัวหน้าคสช. เรียกว่าเรตติ้งยังคงมาแรงแบบแรงดีไม่มีตก แต่ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรมต.ได้อีกครั้งหนึ่ง ก็ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 376 เสียงในการสนับสนุน คืออาจเป็นเสียงที่มาจากวุฒิสมาชิก และสส.รวมกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ง่าย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.บอกว่าคำวินิจฉัยศาลรธน.ไม่ได้เอื้อให้มีนายกรมต.คนนอกเลย โอกาสเกิดยาก ยกเว้นจะมีได้ก็ต่อเมื่อสส.กับสว.ต้องมีการพูดคุยกันให้มากขึ้น เพราะก็อย่าลืมว่าจากระบบการเลือกตั้งใหม่ในรธน.ไม่ได้เอื้อให้มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้เสียงข้างมากในสภาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนกับที่แล้วๆ มา

เพราะฉะนั้นจึงไม่ง่ายเลยกับการเลือกนายกรมต.ที่จะต้องมีการรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุดคือต้องเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา376เสียง และหากยังไม่สามารถเลือกได้ ก็จะต้องเลือกต่อไปจนกว่าจะได้ และมาถึงวันนี้ก็น่าสนใจตรงที่รองนายกรมต.ฝ่ายกม.ได้ออกมาเปิดประเด็นไว้ว่า หากมีปัญหาสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเลือกนายกรมต.ได้ยาวนานไปถึง 6 เดือน รัฐบาลอาจตัดสินใจยุบสภา นั่นหมายความว่า กลไกและกระบวนการในการเลือกนายกรมต.คงไม่ง่ายซะแล้ว และที่สำคัญก็คือ นั่นหมายความว่ารัฐบาลชุดนี้จะยังคงทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไปอีกยาวนั่นเอง