- 07 ต.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่ นายยงยุทธ มะลิทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ออกมาชี้แจง ถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรับชั้น ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี ไม่ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำนักงานป.ป.ช.ที่ 141/2548 ลงวันที่ 31 ต.ค. 2548 เรื่องเลื่อนตำแหน่งข้าราชการ 35 ราย ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 9 ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ซึ่งถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ว่า ศาลปกครองสูงสุดระบุชัดเจนว่า การเพิกถอนคำสั่งจะมีผลเฉพาะในส่วนที่ไม่มีชื่อผู้ฟ้องคดี แต่ไม่กระทบกับบุคคลในคำสั่งแต่งตั้งทั้ง 35 ราย และ ป.ป.ช.ไม่ได้บิดพลิ้วหรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองแต่อย่างใด และที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าอาจกระทบต่อนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ที่ได้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ระดับ 9 ในคำสั่งเดียวกันนั้น และปัจจุบันเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ล่าสุดวันนี้ ( 7 ต.ค.) ผู้สื่อข่ารายงานว่า รายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" ได้สัมภาษณ์ นายวีระ สมความคิด ถึงกรณีดังกล่าว โดยนายวีระได้ท้าวความว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก เมื่อปีะ 2546 สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ออกหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาเพื่อประเมินเจ้าพนักงานเลื่อนระดับจากระดับ 8 ขึ้นไปเป็นระดับ 9 ซึ่งตามกฏหมายแล้ว หลังจากมีการออกหลักเกณฑ์ จะต้องส่งให้ประธาน ป.ป.ช.ลงนาม จากนั้นจะต้องนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ปรากฏว่า ป.ป.ช.ยุคนั้นไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง แต่กลับนำหลักเกณฑ์นั้นมาใช้ประเมินเจ้าพนักงานในระดับ 8 เลื่อนขึ้นไปเป็นระดับ 9 และครั้งนั้นมีผู้ผ่านการประเมินจำนวน 35 คน
นายวีระกล่าวต่อว่า ต่อมาคนที่ไม่ได้รับการประเมินไปพบว่าหลักเกณฑ์การประเมินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฏหมาย จึงนำเรื่องไปฟ้องศาลปกครอง และศาลปกครองสูงสุดก็เห็นพ้องด้วยจึงได้มีคำสั่งให้ ป.ป.ช. เพิกถอนคำสั่งที่ 141/2458 และให้มีผลตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษานี้ คือมีผลตั้งแต่ปีที่แล้ว พ.ศ.2558 แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ แต่ทางคุณยงยุทธ มะลิทอง ได้ออกมาบอกว่าได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีใครทำผิด
" ผมไปกล่าวหาคุณสรรเสริญ ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพียงคนเดียว แต่สงสัยว่าต้องกลับไปกล่าวหาคุณยงยุทธ อีกคนแล้ว ในฐานะที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การออกมาพูดว่าศาลปกครองให้เพิกถอนเฉพาะที่ไม่มีชื่อผู้ฟ้องคดี ซึ่งมันไม่ใช่ ศาลพิพากษาชัดว่าให้เพิกถอนคำสั่งที่ 141/2548 การพูดเช่นนั้นเท่ากับโกหกและเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้ต้องรับโทษ ถ้าคุณยงยุทธว่าคุณสรรเสริญไม่ได้กระทำผิด และได้ได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวแล้ว ก็ให้เอาหลักฐานมาแสดง เอามาเปิดเผยให้สังคมได้เห็น แต่ความจริงคือยังไม่ได้มีการยกเลิก ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ คือ ป.ป.ช.ได้ยกเลิกคำสั่งนั้นหรือยัง " นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวต่ออีกว่า กรณีมีชื่อของ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ ซึ่งขณะนี้เป็นคณะกรมการ ป.ป.ช. ว่า หากมีการตีความตามกฏหมาย จะกระทบต่อตำแหน่งของนายวิทยาทันที เพราะจะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. อาจถึงขั้นต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันทีเช่นกัน สมมติว่า ถ้านายสรรเสริญ ออกคำสั่งในวันพรุ่งนี้ จะกระทบต่อตำแหน่งของนายวิทยาทันที เพราะเมื่อไม่มีคำสั่ง 141/2548 นายวิทยา จะต้องถอยหลังกลับไปที่เดิมคือระดับ 8 เท่ากับยังไม่ได้เลื่อนขึ้นระดับ 9 และไม่สามารถกลับไปประเมินใหม่อีก เพราขณะนี้นายวิทยา อายุ 61 ปีและเกษียณอายุราชการไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งของนายวิทยา กำลังจะมีปัญหา นายวีระตอบว่า ถ้าอยากรู้ว่ามีปัญหาหรือไม่ ต้องไปเอาหนังสือที่นายสรรเสริญ ลงนามยกเลิกคำสั่งที่ 141/2548 ออกมาโชว์ เพราะถ้ายังไม่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวตามคำพิพากษาของศาลปกครอง มาบอกหรือให้ใครมาพูดไม่ได้ว่าไม่ผิด แล้วเรื่องนี้มันจะไม่จบ นายยงยุทธ จะต้องถูกกล่าวหาเพิ่มอีกคน อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า ณ ตอนนี้ นายวิทยา เขายังไม่ได้มีความผิดอะไร ตราบเท่าที่ ป.ป.ช.ยังไม่มีมำคำสั่งเพิกถอน และคนที่จะออกคำสั่งเพิกถอนมีคนเดียวคือ นายสรรเสริญ นี่คือเหตุผลที่ตนต้องกล่าวหาให้ดำเนินคดี และหากเขาประวิงเวลาต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ จะทำให้ทั้ง 35 คนที่ได้รับเลื่อนตำแหน่งมาเมื่อปี 46 ได้ประโยชน์โดยมิชอบต่อไปเช่นเดียวกัน
ขอบคุณคลิปจากรายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand"