ของขึ้น!! "วีระ สมความคิด" ท้า ป.ป.ช.โชว์หลักฐานยกเลิกคำสั่ง141/2548 ลั่นถ้าไม่มีอย่าตะแบง เด๋วเรื่องจะไม่จบ(ชมคลิป)

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีที่  นายยงยุทธ มะลิทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ออกมาชี้แจง ถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรับชั้น  ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี ไม่ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำนักงานป.ป.ช.ที่ 141/2548  ลงวันที่ 31 ต.ค. 2548 เรื่องเลื่อนตำแหน่งข้าราชการ 35 ราย ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 9 ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว  ซึ่งถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด  ว่า ศาลปกครองสูงสุดระบุชัดเจนว่า การเพิกถอนคำสั่งจะมีผลเฉพาะในส่วนที่ไม่มีชื่อผู้ฟ้องคดี แต่ไม่กระทบกับบุคคลในคำสั่งแต่งตั้งทั้ง 35 ราย และ ป.ป.ช.ไม่ได้บิดพลิ้วหรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองแต่อย่างใด  และที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าอาจกระทบต่อนายวิทยา อาคมพิทักษ์  ที่ได้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ระดับ 9 ในคำสั่งเดียวกันนั้น และปัจจุบันเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

 

ล่าสุดวันนี้ ( 7 ต.ค.)  ผู้สื่อข่ารายงานว่า รายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand"  ได้สัมภาษณ์ นายวีระ สมความคิด ถึงกรณีดังกล่าว โดยนายวีระได้ท้าวความว่า  เรื่องที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจาก เมื่อปีะ 2546 สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ออกหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาเพื่อประเมินเจ้าพนักงานเลื่อนระดับจากระดับ 8 ขึ้นไปเป็นระดับ 9  ซึ่งตามกฏหมายแล้ว หลังจากมีการออกหลักเกณฑ์  จะต้องส่งให้ประธาน ป.ป.ช.ลงนาม  จากนั้นจะต้องนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ปรากฏว่า ป.ป.ช.ยุคนั้นไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง  แต่กลับนำหลักเกณฑ์นั้นมาใช้ประเมินเจ้าพนักงานในระดับ 8 เลื่อนขึ้นไปเป็นระดับ 9  และครั้งนั้นมีผู้ผ่านการประเมินจำนวน 35 คน   


นายวีระกล่าวต่อว่า  ต่อมาคนที่ไม่ได้รับการประเมินไปพบว่าหลักเกณฑ์การประเมินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฏหมาย  จึงนำเรื่องไปฟ้องศาลปกครอง และศาลปกครองสูงสุดก็เห็นพ้องด้วยจึงได้มีคำสั่งให้ ป.ป.ช. เพิกถอนคำสั่งที่ 141/2458 และให้มีผลตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษานี้ คือมีผลตั้งแต่ปีที่แล้ว พ.ศ.2558  แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ  แต่ทางคุณยงยุทธ มะลิทอง ได้ออกมาบอกว่าได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีใครทำผิด


" ผมไปกล่าวหาคุณสรรเสริญ ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพียงคนเดียว  แต่สงสัยว่าต้องกลับไปกล่าวหาคุณยงยุทธ อีกคนแล้ว ในฐานะที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  การออกมาพูดว่าศาลปกครองให้เพิกถอนเฉพาะที่ไม่มีชื่อผู้ฟ้องคดี  ซึ่งมันไม่ใช่  ศาลพิพากษาชัดว่าให้เพิกถอนคำสั่งที่ 141/2548  การพูดเช่นนั้นเท่ากับโกหกและเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้ต้องรับโทษ  ถ้าคุณยงยุทธว่าคุณสรรเสริญไม่ได้กระทำผิด และได้ได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวแล้ว  ก็ให้เอาหลักฐานมาแสดง เอามาเปิดเผยให้สังคมได้เห็น  แต่ความจริงคือยังไม่ได้มีการยกเลิก  ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ คือ ป.ป.ช.ได้ยกเลิกคำสั่งนั้นหรือยัง " นายวีระ กล่าว

 

นายวีระ กล่าวต่ออีกว่า  กรณีมีชื่อของ นายวิทยา อาคมพิทักษ์  ซึ่งขณะนี้เป็นคณะกรมการ ป.ป.ช. ว่า  หากมีการตีความตามกฏหมาย จะกระทบต่อตำแหน่งของนายวิทยาทันที เพราะจะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.  อาจถึงขั้นต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันทีเช่นกัน  สมมติว่า ถ้านายสรรเสริญ ออกคำสั่งในวันพรุ่งนี้ จะกระทบต่อตำแหน่งของนายวิทยาทันที  เพราะเมื่อไม่มีคำสั่ง 141/2548 นายวิทยา จะต้องถอยหลังกลับไปที่เดิมคือระดับ 8 เท่ากับยังไม่ได้เลื่อนขึ้นระดับ 9 และไม่สามารถกลับไปประเมินใหม่อีก เพราขณะนี้นายวิทยา อายุ 61 ปีและเกษียณอายุราชการไปแล้ว    


เมื่อถามย้ำว่า  แสดงว่าคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งของนายวิทยา กำลังจะมีปัญหา  นายวีระตอบว่า  ถ้าอยากรู้ว่ามีปัญหาหรือไม่ ต้องไปเอาหนังสือที่นายสรรเสริญ ลงนามยกเลิกคำสั่งที่ 141/2548 ออกมาโชว์  เพราะถ้ายังไม่ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวตามคำพิพากษาของศาลปกครอง  มาบอกหรือให้ใครมาพูดไม่ได้ว่าไม่ผิด  แล้วเรื่องนี้มันจะไม่จบ  นายยงยุทธ  จะต้องถูกกล่าวหาเพิ่มอีกคน   อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า ณ ตอนนี้ นายวิทยา เขายังไม่ได้มีความผิดอะไร  ตราบเท่าที่ ป.ป.ช.ยังไม่มีมำคำสั่งเพิกถอน  และคนที่จะออกคำสั่งเพิกถอนมีคนเดียวคือ นายสรรเสริญ   นี่คือเหตุผลที่ตนต้องกล่าวหาให้ดำเนินคดี  และหากเขาประวิงเวลาต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ จะทำให้ทั้ง 35 คนที่ได้รับเลื่อนตำแหน่งมาเมื่อปี 46 ได้ประโยชน์โดยมิชอบต่อไปเช่นเดียวกัน            

ขอบคุณคลิปจากรายการ  "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand"