ตำนานต้นชะโนด ต้นไม้แห่งสวรรค์ มีที่เดียวในโลก เทวดาสร้างไว้เพื่อให้รู้ว่าเป็นแลนด์มาร์กเชื่อมบาดาลกับโลก

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

สถานที่ลึกลับดินแดนนาคา เกาะประหลาด ป่าอาถรรพณ์ ณ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานผีจ้างหนังอันลือลั่น เกาะประหลาดแห่งนี้ ชาวบ้านบอกว่า สามารถยกตัวลอยได้ตามสภาพของน้ำขึ้นน้ำลง ยามน้ำขึ้นเกาะก็ลอยขึ้นด้วยน้ำท่วมไม่ถึงแต่อย่างใด แต่ล่าสุดกลับมีข่าวออกมาว่า เกาะชะโนดน้ำม่วม!!! ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเพราะสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น ทำลายระบบนิเวศน์ต่างๆ ทำให้การระบายน้ำออกจากเกาะเป็นไปได้ยาก  ตามข่าวได้ที่นี่

ตำนานต้นชะโนด ต้นไม้แห่งสวรรค์ มีที่เดียวในโลก เทวดาสร้างไว้เพื่อให้รู้ว่าเป็นแลนด์มาร์กเชื่อมบาดาลกับโลก

เคยมีนักประดาน้ำลงไปสำรวจพบว่าใต้เกาะ มีรากไม้หนาแน่นเป็นจำนวนมาก แต่เข้าไปไม่ถึงใจกลางของเกาะเพราะถูกรากไม้เหนี่ยวรั้งตัวไว้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าใจกลางใต้เกาะเป็นประตูสู่เมืองบาดาลนั่นเอง

ป่าคำชะโนด มีข้อห้ามอยู่ว่า หากใครไปเยือนต้องถอดรองเท้า ถอดหมวก ก่อนเข้าไปเดินบนเกาะ ห้ามพูดจาหยาบคายและห้ามนำของจากป่าออกไปเด็ดขาด ซึ่งนักวิชาการถือว่าเกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีความน่าสนใจตรงที่ สามารถทำให้คนเชื่อและอยู่ในกรอบที่บรรพชนตั้งไว้ได้อย่างดี

            ส่วนเรื่องที่ฮือฮามากเมื่อหลายสิบปีก่อน ถึงขั้นเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ นั่นคือเรื่องราวของ “ผีจ้างหนัง” โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ เมื่อปี 2532 มีคณะหนังกลางแปลงได้รับว่าจ้างให้ไปจ้างหนังที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งด้วยเงิน 4 พันบาท โดยมีข้อแม้ว่าต้องฉายหนังให้จบก่อนตี 4 และต้องกลับออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง

ตอนออกจากหมู่บ้านห้ามหันหลังไปมอง ซึ่งพอไปถึงวันฉายก็มีเหตุการณ์แปลก ๆ คือ ตอนฉายแรก ๆ ไม่มีคนเลย แม้แต่ร้านรวงที่ต้องมาตั้งแผงขายของก็ไม่มี

จนกระทั่ง 3 ทุ่มก็มีผู้หญิงนุ่งชุดขาว และ ผู้ชายนุ่งผ้าสีดำมาดูหนัง นั่งกันสงบเรียบร้อย ฉายหนังสนุกแค่ไหน ตลกแค่ไหนก็ไม่มีเสียง ซึ่งพอคณะออกจากที่ฉายในตอนรุ่งเช้า ได้แวะซื้อของที่หมู่บ้านข้างทาง ชาวบ้านได้ถามว่าไปฉายที่ไหนมา จึงได้ตอบไปว่าที่หมู่บ้าน แต่ชาวบ้านยืนยันว่าตรงนั้นเป็นดงป่าไม่มีคนอยู่ คนฉายก็เพิ่งรู้ว่าบริเวณดังกล่าวคือป่าคำชะโนด และเงินที่ได้รับว่าจ้างมาก็เป็นใบไม้

โดยมีรายการย้อนรอย ทางช่อง ITV เคยลงพื้นที่ทำเป็นสกู๊ปสัมภาษณ์คณะที่ไปทำการฉายหนังจริง ๆ ซึ่งเจ้าของคณะยืนยันว่าเรื่องนี้มาจากลูกน้องที่ไปฉายหนังในพื้นที่ดังกล่าว แต่เงินนั้นได้มาจริง ๆ ไม่ใช่ใบไม้แต่อย่างใดตามที่ร่ำลือ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นพนักงานฉายหนังทั้งหมดที่ไปในคราวนั้นได้ลาออกกันหมด

ป่าคำชะโนด หรือ เกาะคำชะโนด ตั้งอยู่ใน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้นชะโนดนี้เป็นพืชประเภทเดียวกับปาล์ม ความสูงของต้นประมาณ 20 เมตร มีใบเหมือนใบตาล ลำต้นเหมือนต้นมะพร้าว ลูกเป็นเม็ดเล็ก ๆ คล้ายหมาก

ภายในป่าชะโนดยัง มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์อยู่ตรงกลางเกาะ เรียก ว่า บ่อคำชะโนด เป็นน้ำใต้ดินที่ พุ่งไหลซึมตลอดเวลา ทางจังหวัดได้เลือกน้ำ จากบ่อนี้ไปร่วมในพิธีสำคัญเสมอ นอก จากนี้ยังมีศาลเจ้าพ่อพระยาศรีสุทโธที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง

ตามเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เป็นพญานาคราช ที่อาศัยอยู่ใน เมืองบาดาล และใช้เมืองคำชะโนดแห่งนี้ เป็นที่ขึ้นลงติดต่อระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์

วังนาคินทร์คำชะโนด หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า เมืองชะโนด สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของตำบลวังทอง ตำลบบ้านม่วงและตำบลบ้านจันทร์อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี

ตำนานต้นชะโนด ต้นไม้แห่งสวรรค์ มีที่เดียวในโลก เทวดาสร้างไว้เพื่อให้รู้ว่าเป็นแลนด์มาร์กเชื่อมบาดาลกับโลก

 

วังนาคินทร์คำชะโนด หรือ เมืองคำชะโนดมีเรื่องเล่ากันมาว่า เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธเป็นพญานาค ครองเมืองหนองงกระแสครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นพญานาคเช่นเดียวกันปกครองมีชื่อว่าสุวรรณนาค และมีบริวารฝ่ายละ 5,000 เช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกัน
 

ด้วยความรัก ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมีอาหารการกินก็แบ่งกันกิน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเพื่อนตายกันตลอดมา กระทั่งวันหนึ่งเกิดทะเลาะกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด รบรากันใหญ่โตจนเทวดาใหญ่น้อยพลอยเดือดร้อนไปทั่ว พระอินทร์จึงได้ลงไปห้ามทัพ โดยให้สร้างแม่น้ำแข่งกันคนละสาย สรุปว่าพญานาคศรีสุทโธชนะ เพราะสร้างแม่น้ำโขงได้เสร็จก่อน ได้รางวัลเป็นปลาบึกอยู่ในแม่น้ำโขงแห่งเดียวในโลก

ผู้ชนะแผลงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ณ ดาวดึงส์ ทูลถามพระอินทร์ว่า "ตัวข้าเป็นชาติเชื้อ
พญานาคถ้าจะอยู่บนโลกมนุษย์นานเกินไปก็ไม่ได้ จึงขอทางขึ้นลงระหว่างบาดาลและโลกมนุษย์เอาไว้ 3 แห่ง และทูลถามว่าจะให้ครอบครองอยู่ตรง แห่งไหนแน่นอน พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่จึงอนุญาตให้มีทางพญานาคเอาไว้ 3 แห่ง คือ

1. ที่ธาตุหลวงนครเวียงจันทน์
2. ที่หนองคันแท
3. ที่พรหมประกายโลก (ที่คำชะโนด)

              ส่วนที่ 1-2 เป็นทางขึ้นลงสู่เมืองบาดาลของพญานาคเท่านั้น ส่วนสถานที่ 3 ที่ พรหมประกายโลกคือที่พรหมได้กลิ่นไอดิน (ตามตำนานพรหมสร้างโลก พรหมเทวดาลงมากินดินจนหมดฤทธิ์ กลายเป็นมนุษย์ หรือผู้ให้กำเนิดมนุษย์ ) ให้สุทโธนาคไปตั้งบ้านเมืองครอบครองเฝ้าอยู่ที่นั้น ซึ่งมีต้นชะโนด
ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ลักษณะต้นชะโนดให้เอาต้นมะพร้าว ต้นหมากและต้นตาลมาผสมกัน อย่างละเท่า ๆ กันและให้ถือเป็นต้นไม้บรรพกาลให้สุทโธนาค
 

วันข้างขึ้น 15 วัน พญาสุทโธนาคและบริวารจะกลายร่างเป็นมนุษย์เรียกชื่อว่า "เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ" มีวังนาคินทร์คำชะโนดเป็นถิ่น และอีก ส่วนอีก 15 วัน ในข้างแรมให้สุทโธนาคและบริวารกลายร่างเป็นนาค เรียกชื่อว่า "พญานาคราชศรีสุทโธ" ให้อาศัยอยู่เมืองบาดาล
 

  ตำนานต้นชะโนด ต้นไม้แห่งสวรรค์ มีที่เดียวในโลก เทวดาสร้างไว้เพื่อให้รู้ว่าเป็นแลนด์มาร์กเชื่อมบาดาลกับโลก

                ตั้งแต่บัดนั้นมาถึงกึ่งพุทธกาล นับแต่ปี พ.ศ. 2500 ถอยหลังไป พี่น้องชาวบ้านม่วง บ้านเมืองไพร บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี จะไปพบเห็นชาวเมืองชะโนดไปเที่ยวงานบุญประจำปี หรือบุญมหาชาติที่ชาวบ้านเรียกว่าบุญพระเวท ทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่บ่อยครั้ง และบางทีจะเป็น ผู้หญิงไปยืมเครื่องมือทอหูก (ฟืม) ไปทอผ้าอยู่เป็นประจำ

   อีกเรื่องที่เล่าขานกันคือ นายคำตา ทองสีเหลือง ซึ่งอ้างว่าตนได้เคยไปเมืองบาดาล เพราะเจ้าพ่อพญาศรีสุทโธได้จัดมีการแข่งเรือและประกวดชายงามที่เมืองชะโนด นายคำตา ทองสีเหลือง ซึ่งเป็นชาวบ้านวังทอง ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง ได้บวชอยู่ที่วัดศิริสุทโธ (วัดโนนตูม) ติดกับเมืองชะโนด
นายคำตา ได้เป็นผู้ได้รับคัดเลือกจากเจ้าพ่อพญาศรีสุทโธให้ไปประกวดชายงาม

ญาติพี่น้องรู้เรื่องการหายตัวไปอย่างลึกลับ ก็จับขังไว้จนนายคำตาเกิดความคลุ้มคลั่งอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ญาติพี่น้องได้ทำการรักษาโดยใช้หมอเวทมนต์ (อีสานเรียกว่าหมอทำ) จัดเวรยามอยู่เฝ้ารักษา แต่ในที่สุดได้หายไปนาน ประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วได้กลับมาและได้เล่าเรื่องเมืองชะโนดให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายฟังถึงความงามความวิจิตรพิสดารต่าง ๆ ของเมืองบาดาลให้ผู้สนใจฟัง

ภายหลังนายคำตาบวช และได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2533

ติดตามอ่านเรื่องราวหลวงปู่คำพันธ์ เป็นพญานาคกลับชาติมาเกิด  เพิ่มเติมได้ที่นี่