"60ล้านดวงใจขอเทิดไท้องค์ราชัน" พ่อหลวงของแผ่นดินพระองค์ทรงงานหนักและทำทุกอย่าง ทำเพื่อพสกนิกรชาวไทยของพระองค์อย่างแท้จริง #ทรงพระเจริญ

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน  ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ ประชาชนชาวไทยทุกคนล้วนประจักษ์และ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศพระวรกายและพระสติปัญญา บำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้ดีขึ้นในทุกด้านโดยเฉพาะประชาชนผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในชนบทห่างไกล

 

ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์นั้น ได้ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” คำว่า "ครองแผ่นดินโดยธรรม” เป็นหลักการเงื่อนไขในการครองแผ่นดินของพระองค์ ทรงใช้คำง่ายๆ คือ ธรรมะ หรือ ธรรมาภิบาล ได้พระราชทานคำแปลอย่างง่ายที่สุดก็คือ ความดีและความถูกต้อง เพราะฉะนั้นในการครองแผ่นดินของพระองค์ทรงดำรงอยู่ในความดีความถูกต้องตลอดเวลา เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน และนอกเหนือไปจากนั้น ได้ทรงกำหนดเป้าหมายในการครองแผ่นดินของพระองค์ด้วย คือเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม คำว่า "ประโยชน์สุข” นี้ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ และเป็นคำที่ลึกซึ้งยิ่ง ณ วันนี้ประเทศไทยควรเหลียวกลับมายึดคำว่า "ประโยชน์สุข” เป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ

 

ทรงขอให้บ้านเมืองและประชาชนมีพอกิน นอกจากนั้น คำที่เรียบง่ายที่รับสั่งมาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ คือ "ขอให้บ้านเมืองของเรา ประชาชนชาวไทยนั้นพอกินกันเถิด” พอมีพอกินกันเถิด คำว่า "พอมีพอกิน” นั้นเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ ถ้าประเทศใดไม่มีพอมีพอกินแล้ว คิดว่าประเทศนั้นย่อมไม่สามารถอยู่รอดได้ มิไยจะมีความเจริญเติบโตอย่างไรทางด้านวัตถุ แต่ถ้าหากไม่มีพอมีพอกินแล้ว ความสงบสุข ความผาสุก คงจะไม่เกิดขึ้นบนแผ่นดินนั้นอย่างแน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลา ที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพยายามสร้าง "ความมีกินกับความพอกิน” ให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย เราคนไทยเคยเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่าเราเป็น 1 ใน 7 ประเทศ ในโลกนี้เท่านั้น ที่มีอาหารเหลือกินนำออกไปขายเลี้ยงดูชาวโลก

โดยเฉพาะข้าว จนถึงทุกวันนี้ต่อให้ใช้เทคโนโลยีสูงส่งเพื่อจะผลิตอะไรอย่างไร ผลสุดท้ายความสำคัญก็กลับมาที่ข้าว ยามใดที่ประเทศชาติเกิดวิกฤติขึ้นมา ก็ได้ข้าวนี่แหละที่ช่วยเหลือให้เรารอดพ้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไป ส่วนความเจริญทางด้านวัตถุ หรือเทคโนโลยีที่สูงส่งต่างๆนั้น พอเกิดภาวะวิกฤติจริงๆ ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้ แต่คำว่าพอมีพอกินต่างหากที่ทำให้ประเทศ ชาติของเราเงยหน้าอ้าปากและเราก็มีความสุขขึ้นมาได้

 
ไม่มีอะไรจะให้นอกจากความสุข ผมได้เข้าไปถวายงานพระองค์ท่านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ผมจำได้ว่าวันแรกที่เข้าเฝ้าฯนั้น พระองค์ท่านรับสั่งได้จับใจมากและผมได้ยึดเป็นวิถีชีวิตของผมมาจนกระทั่งบัดนี้ ประโยคแรกนั้นเป็นเงื่อนไขในการเข้าไปถวายงานพระองค์ พระองค์ท่านรับสั่งว่า "ดีแล้วขอบใจที่มาช่วยงานฉัน แต่เข้ามาทำงานกับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้นะ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ ให้กับผู้อื่น” ประโยคแรกที่ผมได้รับ จนกระทั่งมาถึงเวลานี้ นับเป็นระยะเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว จนบัดนี้ยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจ ฝังแน่นอยู่ในสมอง "ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำความสุขให้กับผู้อื่น” นี่คือสิ่งที่พระราชทานให้

 

เสด็จถิ่นทุรกันดาร สมัยก่อนประชาชนยังยากจนอยู่ ในช่วงแรกๆ ของ พ.ศ. 2524 ที่ผมได้มีโอกาสได้เข้าไปถวายงาน ช่วงแรกๆ นั้น ทั้งปีแทบไม่ได้อยู่บ้านเลย เพราะเสด็จแปรพระราชฐานแห่งละ 2 เดือน เดือนละ 4 ภาค ก็ 8 เดือน ที่เหลือ 2 เดือนเท่านั้นเองที่อยู่กรุงเทพฯ ได้ตามเสด็จฯ ทุกวัน เหนื่อยยากมาก เมื่อเวลาที่จะทรงให้ออกไป ณ ที่ใด จะรับสั่งอย่างเรียบง่ายว่า "เดี๋ยวบ่ายวันนี้ไปเที่ยวกัน” การไปเที่ยวของพระองค์คือการออกไปเดินบุกป่าฝ่าดง ลุยน้ำลุยท่าตากแดดตากฝน ขึ้นเขาลูกแล้วลูกเล่า สิ่งนี้คือไปเที่ยว ซึ่งความสุขของพระองค์อยู่ตรงนั้น ทรงสนุกสนาน และก็จะได้เห็นพระองค์ท่านประทับอยู่ท่ามกลางพสกนิกร และผมรู้สึกจริงๆ ว่าทรงมีความสุข ถึงแม้ว่าทรงจะเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย พระเสโทไหลอาบพระวรกาย อาบพระพักตร์หมดก็ตาม พระองค์จะเสด็จออกจากพื้นที่กลับมาตี 1 ตี 2 ถือว่าเป็นเรื่องปกติ


 เพราะฉะนั้นจากพระราชภารกิจของพระองค์ ผมจึงคิดว่าเราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะพระมหากษัตริย์ คิดว่าคำพูดนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกินเลยแม้แต่น้อย ผมคิดว่าเหล่าพสกนิกรของพระองค์ล้วนประจักษ์ในความจริงข้อนี้ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงอยู่ใกล้ชิดประชาชน ทรงประทับอยู่ในดวงใจของประชาชนทุกผู้คน พระองค์รับสั่งว่า เราจะอยู่สุขสบายได้อย่างไร หากคนที่อยู่รอบข้างเรานั้นยังเดือดร้อนอยู่ ต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้างตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าตลอดเวลานั้น ภาพของพระองค์ท่านทรงอยู่ใกล้ชิดประชาชน

 

ทรงโน้มพระวรกายลงไปหาประชาชนที่มาเฝ้าแหนเฝ้าฯ กันเป็นชั่วโมงๆ ภาพของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงคุกเข่าต่อหน้าประชาชน ภาพที่ประทับนั่งพับเพียบอยู่กลางดินกลางทราย กลางถนนลูกรัง หรือทรงสนทนากับประชาชนนั้น เป็นภาพที่เราคนไทยเห็นกันมาตลอดระยะเวลา ซึ่งเป็นภาพที่หายากที่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด จะมาประทับนั่งพับเพียบอยู่กับประชาชนกลางดินกลางทรายเช่นนั้นการพัฒนาต้องอยู่บนหลักของภูมิสังคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า

 

"...การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศ ทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ในสังคมวิทยา ภูมิประเทศตามสังคมวิทยาคือ นิสัยใจคอของคนเราจะไปบังคับให้คนคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เราเข้าไปช่วยโดยที่จะคิดให้เขาเข้ากับเราไม่ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการ ของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง...”

เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในกรณีของภาคใต้ก็รับสั่งว่า เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเข้าใจเสียก่อนว่าต้องเข้าใจภูมิประเทศ เข้าใจคน เข้าใจหลักปฏิบัติ เข้าใจประเพณี เข้าใจจารีตต่างๆ และพร้อมกันนั้น นอกจากเราเข้าใจเขาแล้ว จะทำอย่างไรให้ เขาเข้าใจเราด้วย การเข้าใจนี้เป็น 2 ทางความสำเร็จคือต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างเข้าหากันและผลสุดท้ายการ พัฒนาก็เป็นผลที่สอดคล้องต้องกันตกลงร่วมกันเห็นพ้องต้องกัน สิ่งนั้นแหละ คือ สุดยอดของการพัฒนาตามแนวทางของพระองค์ท่าน ทรงให้ รู้ รัก สามัคคี ทรงสอนคนไทยให้ รู้ รัก สามัคคี รู้ หมายถึงรู้ถึงปัญหา รู้ถึงวิธีการแก้ปัญหา เมื่อรู้แล้วต้องมีความรัก เป็นพลังผลักดันให้ปฏิบัติ และอย่าคิดคนเดียว ทำคนเดียว ต้องใช้ความสมัครสมาน สามัคคีปฏิบัติร่วมกัน

 
พระราชทานหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทรงให้ยึดหลัก "เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต "เศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน คือคำว่า "พอ” คือพอประมาณเดินเส้นทางสายกลางตลอด ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล ตั้งอยู่ในความพอดีและมีภูมิคุ้มกันตลอดเวลา และทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม

 
นานาประเทศล้วนซาบซึ้งในพระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า พระองค์ทรงทำราชการ  ตลอดระยะเวลานั้นทรงทำตลอด ทรงทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาก ทรงช่วยเหลือประเทศและประชาชนทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นในแผ่นดินไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแก้ไขมาตลอดยาวนานตลอดเวลาหลายสิบปี ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ปัญหาต่างๆ ก็ได้ทุเลาเบาบางลงเป็นอันมาก พระราชกรณียกิจขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพัฒนาประเทศ มิเพียงแต่พสกนิกรของพระองค์จะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เหล่านานาประเทศทั่วโลกก็ได้ซาบซึ้งใน พระเกียรติคุณดังกล่าวและได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญและรางวัลต่างๆ เพื่อร่วมเชิดชูพระเกียรติคุณด้วย