เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท!! "ทูลกระหม่อมปู่" คือแรงบันดาลใจให้ "พระองค์ภาฯ" ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส -เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติรรม

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 31 ต.ค.)   ในโอกาสครบรอบ 10 ปี  การดำเนินงานโครงการกำลังใจในพระดำริ  พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ต้องขังหญิงและเด็กติดผู้ต้องขัง  กระทรวงยุติธรรมจึงได้จัดการประชุม "กำลังใจฯ 1 ทศวรรษสู่ นวัตสังคมไทย"  เพื่อระดมความคิดเห็น นำเสนอผลงานวิจัย นำมาประกอบการพิจารณาทิศทางการดำเนินงานต่อไป

 

เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท!! "ทูลกระหม่อมปู่" คือแรงบันดาลใจให้ "พระองค์ภาฯ" ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส -เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติรรม
         

ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้เสด็จเป็นประธานเปิดการประชุม ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ  และ โอกาสนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานพระดำรัสเปิดงานตอนหนึ่งความว่า  ข้าพเจ้าเริ่มโครงการนี้ ประการหนึ่งเพราะได้แรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  ที่ทรงงานเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทย  อีกประการหนึ่งเมื่อข้าพเจ้าได้ศึกษาด้านนิติศาสตร์และต่อมาได้ทำงานที่เกี่ยวข้อง  จึงเห็นว่าปัญหากลุ่มคนด้อยโอกาสไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้  จึงเป็นที่มาของการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ในกระบวนการยุติธรรมที่เริ่มต้นจากกลุ่มผู้ต้องขัง

 

เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท!! "ทูลกระหม่อมปู่" คือแรงบันดาลใจให้ "พระองค์ภาฯ" ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส -เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติรรม
         

" ข้าพเจ้ามีความตั้งใจว่าจากนี้อาจมีการตั้งกลุ่ม หรือชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อให้คนที่เคยผ่านโครงการกำลังใจฯ มาแล้ว ได้มารวมตัวกันและทำประโยชน์ให้สังคม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ช่วยเหลือเพื่อนที่เป็นสมาชิกใหม่ ให้สามารถกลับไปยืนในสังคมได้อย่างสง่างาม  อีกประการหนึ่งที่โครงการต้องทำต่อไป  คือการพยายามสร้างองค์ความรู้ให้กับสังคมไทย  ผ่านการทำกิจกรรมการศึกษาข้อมูลวิชาการภายในและต่างประเทศ ในการวิจัยในประเด็นต่างๆ และนำร่องการปฏิบัติ ซึ่งหากเกิดผลดีก็จะส่งให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่หลัก รับไปดำเนินงานเป็นงานประจำ "        

รศ.สังศิต พิริยะรังสรรค์  ได้เสนอความคิดเห็นต่อการดำเนินงานโครงการกำลังใจฯ  ซึ่งมีพระองค์ทรงรับฟัง ว่า  ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ พิจารณาจากจำนวนคดียาเสพติด จำนวนผู้ต้องหา นักโทษยาเสพติด การเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รัฐ และเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล ความรุนแรงปัญหายาเสพติดของประเทศไทยที่รุนแรงที่สุด คิดว่ามาจากการขาดความรู้ของรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชน นำไปสู่ปัญหา เช่น ใช้มาตรการความรุนแรงจากรัฐต่อผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อย่างการประกาศสงครามกับยาเสพติด ที่เรียกคะแนนนิยมมากกว่าจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การสร้างวาทกรรมต่อยาเสพติดเกินจริง   

 

เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท!! "ทูลกระหม่อมปู่" คือแรงบันดาลใจให้ "พระองค์ภาฯ" ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส -เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติรรม


ทั้งนี้  ตนได้ประเมินต้นทุนนโยบายการปราบปรามยาเสพติด  พบว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลไทยปี 2542-2559 รวม 18 ปี ใช้เงินประมาณ 9.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่ต้องเสียไป ระหว่างปี 2551-2558 รวม 8 ปี มูลค่าความเสียหาย 5 แสนถึง 1 ล้านล้านบาท   คิดว่าถ้าไม่มีโครงการกำลังใจฯ ความไม่รู้ในเรื่องยาเสพติดของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐ จะยังสร้างความเสียหายเศรษฐกิจและสังคมไทยมากกว่าเดิม  จนเราไม่อาจจินตนาการความเสียหายที่เกิดขึ้นได้  ไม่ว่าจะการเพิ่มงบประจำปี การเพิ่มกำลังคน

 

เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท!! "ทูลกระหม่อมปู่" คือแรงบันดาลใจให้ "พระองค์ภาฯ" ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส -เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติรรม
        

" การที่โครงการกำลังใจฯ ได้แปลผลงานวิจัยต่างประเทศ  สนับสนุนให้มีการทำวิจัยเรื่องยาเสพติดควบคู่ไปด้วย  ก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่ถูกต้อง  นำสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคม ตลอดจนนโยบายและตัวกฎหมายยาเสพติด  ถือเป็นสถาบันที่เปรียบได้ดั่งแสงเทียนนำทางสังคมไทย" รศ.สังศิตกล่าวย้ำ

ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเว็ปไซต์มติชน