ช่วยชาวนา!! นบข.ไฟเขียวสินเชื่อชลอขายข้าวเปลือกหอมมะลิ11,525/ตัน ชงครม.อนุมัติพรุ่งนี้8.6พันล.

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 31 ต.ค.)   ที่ทำเนียบรัฐบาล  นางอภิรดี ตันตราภรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า นบข. มีมติเห็นชอบเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือคิดเป็นเงินต่อตันข้าวเปลือก 1,295 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะออกสู่ตลาดมากช่วงพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2559 ทั้งที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินรวม 8,600 ล้านบาท  โดยจะนำมตินบข.เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 1 พฤศจิกายน)  และสามารถดำเนินการได้ทันที  โดยมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เป็นผู้บริหารจัดการโครงการ
         

นางอภิรดี  กล่าวต่อว่า  ชาวนาที่ร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและมียุ้งฉาง จะได้รับเงินช่วยเหลือ ตันละ 11,525 บาท ประกอบด้วย วงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากโครงการตันละ 8,730 บาท คิดจาก 90% ของราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 9,700 บาท เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ ไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ตันละ 1,295 บาท ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ นบข.อนุมัติในวันนี้ และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางตันละ 1,500 บาท  เมื่อรวมกับเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตไร่ละ1,000 บาท (ไม่เกิน 10 ไร่) จำนวน 2,591 บาท ซึ่งเป็นโครงการเดิม และอยู่ระหว่างดำเนินการ ทำให้เกษตรกรจะได้รับเงินทั้งสิ้น ตันละ 14,116 บาท
         

สำหรับเกษตรกรปลูกข้าวที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและไม่มียุ้งฉาง จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมดตันละ 10,995 บาท ประกอบด้วย รายได้จากการขายข้าวที่ราคาตลาดตันละ 9,700 บาท เงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ ไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ คิดเป็นตันละ 1,295 บาท เมื่อรวมกับเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จำนวน 2,591 บาท ซึ่งเป็นโครงการเดิมและอยู่ระหว่างดำเนินการ  ทำให้เงินที่เกษตรกรจะได้รับรวม 13,586 บาทต่อตัน
         

นอกจากนี้  กระทรวงพาณิชย์ จะมีมาตรการเสริมออกมาอีก โดยเฉพาะการควบคุมโรงสีไม่ให้มีการกดราคารับซื้อ โดยคณะกรรมการกำกับราคาของกระทรวงพาณิชย์ จะกำหนดให้โรงสีต้องติดป้ายราคารับซื้อเพื่อตรวจสอบได้  ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จะดำเนินการติดตั้งครั้งมือวัดความชื้น  เพื่อยืนยันกับโรงสีไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร
         

" ปีนี้ ฝนฟ้าดี ทำให้ผลผลิตข้าวโลกเพิ่ม 2.4%  สวนทางกับการบริโภคข้าวของประชากรโลกที่ลดบริโภคอาหารจำพวกแป้งลง 1.5% และสต็อกโลกเพิ่มขึ้น 4.3% ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโลกไทย  รวมทั้ง ราคาข้าวของประเทศเพื่อนบ้านมีราคาปรับลดลง  ขณะที่ปริมาณข้าวหอมมะลิในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านตัน เป็น 10 ล้านตัน และข้าวนาปีจากปีที่แล้ว 23 ล้านตัน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 27 ล้านตันในปีนี้ "  นางอภิรดี กล่าว


รมว.การกระทรวงพาณิชย์   กล่าวว่าช่วงเดือนปลายตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน  เป็นช่วงที่มีฝนตกมาก ชาวนาเร่งเกี่ยวข้าว ทำให้มีความชื้นในข้าวสูงถึง 30% จากปกติ อยู่ที่ระดับ 15% ทำให้ราคายิ่งตกต่ำลง  รวมทั้งเกษตรกรบางส่วน  มีการเร่งเก็บเกี่ยวเพื่อหนีน้ำท่วม  ทำให้ได้ข้าวไม่มีคุณภาพราคาจึงต่ำ  ซึ่งราคาข้าวในปัจจุบันเหมือนตลาดหุ้น มีความผันผวนขึ้นลงรายวันตามการคาดการณ์ของนักลงทุน  จึงยิ่งกดราคาข้าวลงไปอีก