เปิดบันทึก "ดร.วิษณุ" ถึงพระวิสัยทัศน์ "องค์พ่อหลวง"  รวมที่มาชื่อ "ถนนรัชดาภิเษก" และอีกหลายเรื่องลึกรู้แล้วยิ่งภูมิใจเกิดมาในรัชกาลที่ ๙

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

 

     สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม คุณ "บทเพลงปีศาจ" ได้ออกมาโพสต์เล่าบันทึกของ ดร.วิษณุ เครืองาม ถึงที่มาของ "ถนนรัชดาภิเษก" และเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอีกมากที่มีหลายคนยังไม่รู้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ทำให้พิสูจน์ได้ว่าพระองค์ทรงเห็นแก่ประชาชนมากกว่าความสุขส่วนพระองค์

 

 

 

     โดยบันทึกของ ดร.วิษณุ เครืองาม ใน ปี 2013 ได้เล่าไว้ว่า .. "ในฐานะที่ทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาลโดยหน้าที่ต่างๆ กันถึง 15 ปี ขอยืนยันว่าพระองค์ทรงมีมาตรฐานเดียวโดยตลอดจะต่างกันก็ที่โอกาส เช่น คณะรัฐมนตรีบางคณะเข้ามาในช่วงที่ทรงพระประชวร บางคณะมีราชการงานเมืองต้องเข้าเฝ้าฯ ขอพระราชทานมหากรุณาบ่อยหรือห่างตามเหตุการณ์ ในการมีพระราชดำริ พระราชดำรัส และการทรงงานใด ๆ ไม่มีเลยสักเรื่องที่จะแสดงว่าทรงรับเอาประโยชน์ส่วนพระองค์แม้พสกนิกรจะเต็มใจถวาย"

 

เปิดบันทึก "ดร.วิษณุ" ถึงพระวิสัยทัศน์ "องค์พ่อหลวง"  รวมที่มาชื่อ "ถนนรัชดาภิเษก" และอีกหลายเรื่องลึกรู้แล้วยิ่งภูมิใจเกิดมาในรัชกาลที่ ๙

 

 

 

- สมัยจอมพลถนอมเป็นนายกฯ คราวหนึ่งประจวบโอกาสครองราชย์ครบ 25 ปี (พ.ศ. 2514) รัฐบาลจะสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์และถาวรวัตถุใหญ่โตที่สุดในประเทศถวาย ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า "สิ้นเปลืองและไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สร้างถนนกันรถติดดีกว่า" และนี่จึงเป็นที่มาของ "ถนนรัชดาภิเษก"

 

- สมัยคุณบรรหารเป็นนายกรัฐมนตรี จะสร้างทาวเวอร์หรือหอคอยสูงใหญ่ข้างสะพานพระราม 9 ใช้เป็นหอดูวิว หอโทรคมนาคม และเฉลิมพระเกียรติ รับสั่งว่า "เทคโนโลยีสมัยนี้ไม่ต้องสร้างหอโทรคมนาคมและเปลืองเงินเปล่าๆ"

 

- นายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเคยกราบบังคมทูลถามว่า ที่พระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น ตอนพลบค่ำคนมักมาจุดประทัดแก้บน บางทีก็ยิง ปืนสนั่นหวั่นไหว ดังรบกวนมาถึงสวนจิตรฯ หรือไม่ พระองค์ทรงรับสั่งว่า "อยู่ที่หลักการว่าทำอย่างนั้นผิดกฎหมายไหม ถ้าผิดก็ต้องห้าม แต่ถ้าเป็นเสรีภาพก็ต้องปล่อยไป รำคาญหนวกหูก็ต้องทน อย่าใช้มาตรฐานสวนจิตรฯ หรือทำเนียบรัฐบาลมาตัดสิน"

 

- สมัยนายกฯ ทักษิณ เคยกราบบังคมทูลว่า เมื่อประทับรักษาพระองค์ที่วังไกลกังวลอย่างนี้ รัฐบาลจะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สำนักพระราชวังปรับปรุงวังไกลกังวล ให้สะดวกสบายสมกับที่จะใช้เป็นที่ประทับยาวนาน รวมทั้งจะปรับปรุงโรงพยาบาลหัวหินให้ทันสมัยพร้อมทุกประการ ทรงพระราชกระแสรับสั่งว่า การปรับปรุงโรงพยาบาลเป็นประโยชน์แก่ทุกคนถ้ามีงบก็ควรทำ แต่การปรับปรุงวังไกลกังวลเป็นเรื่องพระสำราญ "แค่นี้ก็พออยู่พอเพียงแล้ว"

 

 

 

เปิดบันทึก "ดร.วิษณุ" ถึงพระวิสัยทัศน์ "องค์พ่อหลวง"  รวมที่มาชื่อ "ถนนรัชดาภิเษก" และอีกหลายเรื่องลึกรู้แล้วยิ่งภูมิใจเกิดมาในรัชกาลที่ ๙

 

 

- รัฐบาลหลายคณะ เคยออกกฎหมายที่มุ่งจะเฉลิมพระเกียรติเช่นมีคำว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" ทรงมีพระราชกระแสให้รัฐบาลนำกลับไปปรับปรุงเพราะ "ไม่อาจทรงสถาปนาพระองค์เองได้" เช่นเดียวกับที่ใน พ.ศ. 2512 ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชบัญญัติยศทหารซึ่งถวายพระยศทางทหารเป็นจอมพล จนร่างพระราชบัญญัตินั้นตกไปเองในที่สุด

 

- ในหลวง ร.9 ทรงลงพระปรมาภิไธยตรากฎหมายมาแล้ว ทั้งที่เป็นพระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกานับหมื่นฉบับ ทรงวินิจฉัยฎีกานักโทษ ฎีการ้องทุกข์ขอพระราชทานความเป็นธรรมอีกหลายพันราย บางรายขอพระราชทานยืมเงิน บางรายขอความเป็นธรรมเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย รายหนึ่งพ่อตาย ลูกชายบวชหน้าไฟให้พ่อ อยู่มาก็ไม่ยอมสึก แม่มีลูกชายคนเดียวทำหนังสือถวายฎีกาว่าเดือดร้อนหนัก ขอพระมหากรุณาให้ลูกสึกมาช่วยเลี้ยงแม่เถิด โปรดให้ตรวจสอบแล้วมีพระราชกระแสว่า แท้จริงแม่ไม่ได้อยากให้ลูกสึกแต่ปัญหาคือแม่ลำบากยากจน จึงโปรดให้กรมประชาสงเคราะห์เข้าไปช่วยดูแล สอนอาชีพให้และหาเครื่องมือทำมาหากินไปให้แม่ ลงท้ายแม่ก็ทำมาหากินได้ ส่วนลูกก็อยู่ไปจนเป็นสมภาร

 

- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสงเคราะห์ทั้งส่วนรวมและพระองค์เองเพื่อจะได้มีพระอนามัยดี ทรงงานเพื่อส่วนรวมต่อไป จึงทรงดนตรี ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ ทรงเล่นคอมพิวเตอร์ ทรงฉายภาพ ทรงกีฬา ทรงวาดรูป ปั้นรูป ทรงงานไม้งานช่าง จะทรงจับงานด้านใดก็ทรงทำได้ดี ที่คนไม่ใคร่ทราบคือ ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษในเรื่องภาษาไทย การศึกษา ระบบสิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข และพุทธศาสนา ส่วนที่ทรงพระปรีชาทางดิน น้ำ ระบบระบายน้ำ และการแก้ปัญหาจราจรนั้นเป็นที่ทราบทั่วไปอยู่แล้ว เมื่อครั้งยังเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผมเคยได้รับพระมหากรุณาพระราชทานคำแนะนำเรื่องการใช้ถ้อยคำภาษาไทยหลายหน

 

- ครั้งหนึ่งได้ถวาย "รายชื่อ" บุคคลให้ทรงแต่งตั้ง รับสั่งถามว่าตั้งกี่คน ตนกราบบังคมทูลว่าคนเดียว ทรงมีพระราชดำรัสว่าคนเดียวเรียกว่า "ชื่อ" ถ้า "รายชื่อ" ต้องหลายคน

 

- อีกคราวหนึ่ง มีหนังสือกราบบังคมทูลว่า "ทูลเกล้าทูลกระหม่อมมาเพื่อทรงพิจารณา" ทรงพระสรวลตรัสว่า "ถ้าทูลเกล้าทูลกระหม่อมก็อยู่บนกระหม่อมยังไม่ถึงฉัน ถ้าจะให้ถึงฉัน ต้องทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายมาเพื่อทรงพิจารณา"

 

 

 

เปิดบันทึก "ดร.วิษณุ" ถึงพระวิสัยทัศน์ "องค์พ่อหลวง"  รวมที่มาชื่อ "ถนนรัชดาภิเษก" และอีกหลายเรื่องลึกรู้แล้วยิ่งภูมิใจเกิดมาในรัชกาลที่ ๙

 

 

- เมื่อปี 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสวรรคต ลองคิดดูว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ท่านจะทรงวิปโยคขนาดไหน เสด็จฯ ไปทรงสดับพระพิธีธรรมที่พระที่นั่งดุสิตฯ ทุกราตรี แต่ทราบกันบ้างหรือไม่ว่าพอพระสวดจบเสด็จฯ ลงมาประทับที่พระที่นั่งราชกรัณยสภาใกล้ ๆ กัน พระราชทานคำแนะนำการแก้ปัญหาจราจรแทบทุกคืน

 

- ปี 2553 อยู่ระหว่างทรงพระประชวรประทับในโรงพยาบาล พระราชกรณียกิจอื่นภายนอกโรงพยาบาลทรงงดเสียเกือบสิ้น แต่การเสด็จฯ ไปเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ทอดพระเนตรโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมและเปิดสะพานระบายการจราจรเพื่อพสกนิกรของพระองค์ เป็นเรื่องที่ทรงถือเป็นกิจสำคัญ

 

- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นยอดแห่งผู้อดทน อดกลั้น ในการประกอบพระราชกรณียกิจนั้นย่อมมีทั้งร้อนทั้งหนาวยาวนานและน่าเหนื่อยหนัก ดูเอาจากการพระราชทานปริญญาบัตรเถิด แม้แต่ที่ต้องทรงอดกลั้นด้วยขันติบารมีในคำจ้วงจาบหรือระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกไม่รู้เท่าไร อย่าลืมว่า พระชนมพรรษา 83 แล้ว ทรงงานมา 64 ปีแล้ว

 

 

     ทั้งนี้ ในบันทึกของ ดร.วิษณุ เขียนว่า สมัยผมเป็นเลขาธิการ ครม. ต้องทูลเกล้าฯ ถวายเอกสารใส่ซองขนาดใหญ่สีขาวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อไป หน้าซองไม่ต้องเขียนเลขที่หนังสือ จะได้หมุนเวียนกลับลงมาใช้หลายหน ไม่ต้องทิ้ง แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ก็ควรประหยัด เวลาร่างกฎหมายโปรดให้ถวายปะหน้า 2 แผ่น เผื่อว่าทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วหมึกซึมเลอะจะได้ประหยัดเวลาไม่ต้องรอถวายใหม่ เวลาตั้งรัฐมนตรีใหม่จะต้องเข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ปฏิญาณ ทรงมีพระราชดำรัสว่าให้รีบมาจะได้รีบไปทำงานไม่ต้องห่วงว่าติดเสาร์-อาทิตย์ ประเทศไทยพระเจ้าแผ่นดินไม่มีวันหยุดราชการ

 

 

 

เปิดบันทึก "ดร.วิษณุ" ถึงพระวิสัยทัศน์ "องค์พ่อหลวง"  รวมที่มาชื่อ "ถนนรัชดาภิเษก" และอีกหลายเรื่องลึกรู้แล้วยิ่งภูมิใจเกิดมาในรัชกาลที่ ๙

 

 

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้มีแต่ทรงให้พวกเรามาตลอด แต่พระราชดำรัสนี้มีนัยเป็นทั้งสิ่งที่

"ทรงหวัง" "ทรงบอกให้รู้" และ "ทรงขอ" ซึ่งน่าจะทรงประสงค์ยิ่งกว่าคำถวายพระพร "ทรงพระเจริญ"

 

 

 

 

เรียบเรียง : กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล : สวพ.fm91 , สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม คุณ บทเพลงปีศาจ