โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ขณะนี้ ทั่วโลกต่างจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันอังคารหน้า ขณะที่กำลังเข้าโค้งสุดท้าย เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมือง

ในวันที่ 8 พ.ย. นอกจากชาวสหรัฐที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีตามที่คนส่วนใหญ่ทราบกันแล้ว พวกเขายังจะทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 1 ใน 3 ของทั้งหมด หรือจำนวน 33 คน จากทั้งหมด 100 คน โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีขึ้นทุก 2 ปี

ขณะเดียวกัน ชาวสหรัฐยังออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนหลายพันคนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้ว่าการรัฐ และผู้พิพากษา ส่งผลให้การเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญต่อทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เนื่องจากจะเป็นการชี้เป็นชี้ตายสำหรับผู้สมัครของพรรคในการเข้าไปนั่งเก้าอี้ในทำเนียบขาว และการครองอำนาจในสภาคองเกรส รวมทั้งการเป็นผู้ว่าการรัฐ

นอกจากนี้ บางรัฐอาจพ่วงการทำประชามติในประเด็นต่างๆที่กำลังเป็นที่สนใจภายในรัฐให้ประชาชนลงคะแนนเสียงในวันที่ 8 พ.ย.เช่นเดียวกัน เช่น การควบคุมอาวุธปืน หรือสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศ

ประเทศไทยจะเริ่มรับรู้ผลการเลือกตั้งของสหรัฐในช่วงเช้าของวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้น และค่าเงินบาท โดยขึ้นอยู่กับว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต หรือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน จะเป็นฝ่ายนำในการนับคะแนนเลือกตั้ง หลังปิดหีบในสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนจะให้ความสนใจแบบไม่กะพริบตา

โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

*** ชาวสหรัฐหลายล้านคนแห่ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงล่วงหน้าแล้ว คาดเทคะแนนหนุน ฮิลลารี ***

ชาวสหรัฐจำนวนหลายล้านคนได้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงล่วงหน้าแล้ว ก่อนถึงกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งผู้ลงคะแนนอาจไปใช้สิทธิด้วยตนเอง หรือส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าแล้วมากกว่า 22.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าในปี 2012

โดยรวมแล้ว คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงล่วงหน้ามากกว่า 46 ล้านคน หรือ 40% ของผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งหมด ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.

การลงคะแนนเสียงล่วงหน้าจำนวนมากของกลุ่มผู้สนับสนุนนางฮิลลารี ซึ่งมีการจดทะเบียนว่าเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต, เป็นชนกลุ่มน้อย หรือเป็นผู้มีอายุน้อย จะช่วยหนุนให้นางฮิลลารีได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงที่จะทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ขณะนี้ นางฮิลลารีกำลังได้รับเสียงสนับสนุนที่แข็งแกร่งในรัฐฟลอริดา และนอร์ท แคโรไลนา ซึ่งเป็นรัฐที่นายทรัมป์ต้องการได้รับชัยชนะ นอกจากนี้ นางฮิลลารียังได้การสนับสนุนจากรัฐที่ไม่เป็นฐานเสียงของทั้ง 2 พรรค หรือที่เรียกว่า swing-state เช่น รัฐเนวาดา โคโลราโด และอริโซนา รวมทั้งมีแนวโน้มได้รับชัยชนะในรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน เช่น รัฐยูทาห์ และเท็กซัส

โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

 

*** ตลาดหุ้นพัง,เศรษฐกิจโลกวูบแน่ หาก ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง ***

นายไซมอน จอห์นสัน นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (MIT) ระบุว่า หากนายทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งวันที่ 8 พ.ย. ตลาดหุ้นก็จะดิ่งลงอย่างหนัก ขณะที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

นายจอห์นสันกล่าวว่า นโยบายต่อต้านการค้าเสรีของนายทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างหนัก เหมือนกับที่อังกฤษกำลังเผชิญอยู่ หลังจากการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป

นายจอห์นสันระบุในรายงานว่า เศรษฐกิจยุโรปมีความเปราะบางมาก และภาวะถดถอยที่เกิดจากนโยบายต่อต้านการค้าของนายทรัมป์จะกระทบให้ยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเต็มรูปแบบ และจะส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร ซึ่งหากความเสี่ยงดังกล่าวไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะทำให้เกิดวัฏจักรในเชิงลบ ขณะที่ผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่ และประเทศที่มีรายได้น้อยจะมีความรุนแรงมาก

ทางด้านนายมาร์ก คิวบาน เจ้าของทีมดัลลัส แมฟเวอริคส์ ซึ่งเป็นทีมบาสเก็ตบอลชื่อดังในศึกยัดห่วงเอ็นบีเอ และเป็นผู้สนับสนุนนางฮิลลารี  กล่าวว่า หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย. คำพูดที่ไม่ระวังของเขาอาจทำให้ตลาดหุ้นทรุดตัวลงได้

นายคิวบานกล่าวว่า ภาวะทางอารมณ์ของนายทรัมป์ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมากต่อตลาด โดยคำพูด"โง่ๆ และก้าวร้าว"ของเขาระหว่างการดำรงตำแหน่ง อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองต่อประเทศต่างๆ และกระทบต่อตลาดโลก

"นั่นเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดหุ้น" เขากล่าว

โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

*** ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอาจหักปากกาเซียน จากหลายปัจจัย ***

ถึงแม้โพลล์หลายสำนักต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า นางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย. แต่ก็ยังคงมีปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างที่ผลการสำรวจระบุไว้

ประการแรกคือการที่คะแนนความชื่นชอบของชาวสหรัฐที่มีต่อนางฮิลลารี และนายทรัมป์ ได้อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ทำให้มีผลกระทบต่อจำนวนผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยอาจลดลงสู่ระดับ 52% เมื่อเทียบกับระดับ 60% ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีหลายครั้งที่ผ่านมา และสิ่งนี้จะกระทบต่อผลการเลือกตั้งที่อาจผิดเพี้ยนไปจากการสำรวจ

ประการที่ 2 คือผลการสำรวจที่ออกมาก่อนหน้านี้ อาจทำให้ฐานเสียงของนางฮิลลารีเลือกที่จะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง

นักวิเคราะห์ระบุว่า ผลการสำรวจที่แสดงว่านางฮิลลารีมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายทรัมป์ อาจทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนต่างนิ่งนอนใจ และไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยเชื่อว่านางฮิลลารีมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์จะมีความกระตือรือร้นออกมาใช้สิทธิมากกว่า เนื่องจากมองว่านายทรัมป์กำลังมีคะแนนตามหลังนางฮิลลารี ซึ่งหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ นายทรัมป์ก็อาจมีโอกาสพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งได้

ประการที่ 3 คือการที่สำนักสำรวจคะแนนนิยมส่วนใหญ่จะใช้การโทรศัพท์สอบถามกลุ่มตัวอย่างผ่านทางโทรศัพท์พื้นฐาน หรือโทรศัพท์บ้าน มากกว่าโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าถึง 30-50% และเพราะกฎหมายสหรัฐห้ามสำนักโพลล์ทำการโทรศัพท์อัตโนมัติผ่านระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปยังโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งจากการที่ไม่มีการจัดทำรายชื่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระบบกลางเหมือนโทรศัพท์พื้นฐาน

แต่ในปัจจุบัน มีชาวอเมริกันถึงครึ่งหนึ่งที่มีแค่โทรศัพท์มือถือ และไม่มีโทรศัพท์พื้นฐาน ทำให้สำนักโพลล์ประสบปัญหา และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่จะเป็นตัวแทนของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่

นอกจากนี้ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธสายโทรเข้าของสำนักโพลล์มากกว่าผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐาน โดยสำนักโพลล์หลายแห่งระบุว่า พวกเขาสามารถโทรติดต่อสอบถามความเห็นของกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเพียง 10% เท่านั้น ลดลงจากระดับ 80% เมื่อหลายปีก่อน

ประการสุดท้ายคือ การที่สำนักโพลล์หลายแห่งทำการสำรวจผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาตอบแบบสำรวจจะมาแบบสมัครใจ มากกว่าที่จะเป็นการสุ่มตัวอย่างจากบริษัทสำรวจ ทำให้ผลการสำรวจไม่ได้เป็นตัวแทนของประชากรส่วนใหญ่ในสหรัฐ

โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

 

*** ฮิลลารี มีหนาว หลัง FBI เตรียมเปิดแผลเก่าคดีอีเมล์ฉาว ***

ถึงแม้ที่ผ่านมา นางฮิลลารีถูกมองว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ แต่ก็เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เมื่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมปัดฝุ่นรื้อฟื้นคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัว ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มที่อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง

โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

 

*** นักวิเคราะห์เชื่อวิกฤตอีเมล์ฉาว ช่วยหนุนฐานเสียง ฮิลลารี ไม่นอนหลับทับสิทธิ ***

นายซีเนีย วิคเกตต์ ประธานโครงการสหรัฐและอเมริกาของชาแธม เฮ้าส์ ระบุว่า ข่าวการที่ FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี จนส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารีลดลงใกล้เคียงกับของนายทรัมป์ จะกลับส่งผลดีต่อคะแนนเสียงของนางฮิลลารีเองในที่สุด

"ที่ผ่านมา นางฮิลลารีมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายทรัมป์ในการสำรวจ จนทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนบางส่วนต่างนิ่งนอนใจ และอาจจะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากเชื่อว่านางฮิลลารีมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์จะมีความกระตือรือร้นออกมาใช้สิทธิมากกว่า เพราะมองว่านายทรัมป์กำลังมีคะแนนตามหลังนางฮิลลารี แต่จากการสำรวจล่าสุดที่พบว่าคะแนนนิยมของนายทรัมป์เริ่มไล่เบียดขึ้นมา จะทำให้ผู้สนับสนุนนางฮิลลารีมีความต้องการออกมาใช้สิทธิลงคะแนนมากขึ้น" เขากล่าว

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวเอบีซี/วอชิงตันโพสต์ระบุว่า คะแนนนิยมของนางฮิลลารีได้ลดลง หลังจากมีรายงานข่าวว่า FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัว

ผลสำรวจระบุว่า คะแนนนิยมของนางฮิลลารีอยู่ที่ 46% ขณะที่คะแนนนิยมของนายทรัมป์อยู่ที่ 45% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า คะแนนนิยมของนางฮิลลารีลดลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ซึ่งมีคะแนนนำหน้านายทรัมป์อยู่ถึง 12 จุด

***โปรดติดตามตอนจบศึกเลือกตั้งปธน.สหรัฐ ลุ้น ฮิลลารี VS ทรัมป์ เข้าวินเส้นชัย***

ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ เริ่มมีความตื่นเต้นสำหรับกองเชียร์ของทั้งนางฮิลลารี และนายทรัมป์ ขณะเข้าโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันที่ 8 พ.ย. จากเดิมที่นางฮิลลารีมีคะแนนนำมาตลอด ทำให้คาดว่าจะลอยลำชนะนายทรัมป์ได้โดยไม่ยาก เนื่องจากสามารถโต้วาทีชนะนายทรัมป์ทั้ง 3 รอบ และจากการที่นายทรัมป์ปากพาจน ด้วยการคุยโม้โอ้อวดว่าเขาสามารถจับจูบลูบคลำตัวผู้หญิงได้ เนื่องจากเขาเป็นคนมีชื่อเสียง และเขายังกล่าวอีกว่าจะไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง หากเขาไม่ได้เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งส่งผลให้สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายรายประกาศถอนตัวจากการสนับสนุนนายทรัมป์ และทำให้คะแนนนิยมของเขาดิ่งวูบลง

แต่ก็เหมือนบทละครที่มีการเขียนไว้ล่วงหน้า เมื่อจู่ๆ  FBI ประกาศเตรียมรื้อคดีอีเมล์ฉาวของนางฮิลลารี หลังอ้างว่ามีการพบอีเมล์ใหม่ที่อาจพัวพันกับคดีดังกล่าว ส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารีลดลงใกล้เคียงกับของนายทรัมป์ ขณะใกล้ถึงวันเลือกตั้งอีกเพียงไม่กี่วัน และทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะมีความคาดหวังต่อชัยชนะของนางฮิลลารีมากกว่านายทรัมป์

จากนี้ไปอีกเพียงไม่กี่วัน คงต้องติดตามความคืบหน้าต่างๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐอย่างไม่กะพริบตา และดูว่าศึกเลือกตั้งชิงบัลลังก์ทำเนียบขาวจะจบแบบถูกใจคนดูหรือไม่ เพราะเขาหรือเธอคนนี้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกจะมีอิทธิพลต่อประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

โค้งสุดท้าย!!! นับถอยหลัง 8 พ.ย.ระเบิดศึกเลือกตั้งสหรัฐ เกมส์ชิงอำนาจทำเนียบขาวและสภาคองเกรส

 

เรียบเรียง บุญชัย ธนะไพรินทร์