ต้องจัดการให้สิ้นซาก!!“ประจิน”เผยสามารถปิดเวปหมิ่นกว่า 900 URL เตรียมคุยผู้บริหารFacebook หาแนวทางจัดการเด็ดขาด

ติตตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำเนียบรัฐบาล ว่าพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงความคืบหน้าเรื่องการติดตามกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดกฎหมายเรื่องการหมิ่นสถาบันฯ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลอยู่ในระหว่างประสานกับทางเฟซบุ๊ก  ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กได้มีหนังสือส่งกลับมาแล้ว  ซึ่งมีเนื้อหาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงแนวทางที่จะตอบสนองต่อคำขอของไทยทันทีเพราะเข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกของคนไทย แต่ก็ต้องประสานไปอีกครั้งเพื่อให้ได้พบปะคุยกันต่อหน้า ส่วนจะเป็นที่ประเทศไทยหรือประเทศสิงคโปร์นั้นก็อยู่ระหว่างประสานงาน ซึ่งเราอยากพูดคุยภายในสัปดาห์นี้แต่เฟซบุ๊กยังไม่พร้อมโดยจะไปคุยกับผู้บริหารระดับสูงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ต้องจัดการให้สิ้นซาก!!“ประจิน”เผยสามารถปิดเวปหมิ่นกว่า 900 URL เตรียมคุยผู้บริหารFacebook หาแนวทางจัดการเด็ดขาด

พล.อ.อ.ประจิน ยังได้เผยอีกว่า ขณะนี้ได้ตั้งศูนย์ประสานงานไซเบอร์เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 59 ที่ผ่านเพื่อประสานงานอยู่ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทำหน้าที่ประสานงานกับชุดปฏิบัติงานต่างๆเพื่อให้รู้ว่าหากการเฝ้าระวัง แล้วเจอเรื่องหมิ่นสถาบันจะต้องมีการดำเนินการอย่างไร โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.เป็นที่อยู่เว็บที่อยู่ไทยก็ใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งปิดได้ทันที่ และ 2.ที่อยู่เว็บต่างประเทศก็ต้องออกคำสั่งศาลเพื่อของให้ปิด รวมทั้งขณะนี้เราได้เชิญบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทุดสายงานเข้ามาร่วมทำงานด้วย

นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อมูลว่า ตั้งแต่วันที่ 1-12 ตุลาคมที่ผ่านมารเราพบ URL ที่เข้าข่ายไม่เหมาะสมประมาณ 100 URL และช่วงวันที่ 13-31 ตุลาคมประมาณ 1,200 URL โดยเราได้ใช้อำนาจคสช.ปิดไปแล้วทั้ง 2 ช่วง 200 URL ส่วนที่เหลือใช้อำนาจศาล 700 URL จาก 1,150 คดีถือว่าคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเราได้รับความร่วมมือจากฝ่ายศาลเป็นอย่างดีในการเร่งรัดการทำธุรการ รวมถึงพูดให้บริการทั้งทางผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตภายในประเทศและบริษัทใหญ่ที่เป็นต้นทาง ซึ่งเว็บไซต์ที่มียูอาร์แอลหมิ่นสถาบันมากที่สุดคือเว็บไซต์ยูทูป แต่อย่างไรก็ตามยูทูปได้มีเปอร์เซ็นต์ปิดมากที่สุด

หลังจากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสที่ผู้ประกอบการไลน์  ที่แจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของทางการไทยได้ เนื่องจากว่าทางไลน์ไม่สามารถไปดูข้อมูลจากลูกค้าได้ แต่ให้ใช้ช่องทางของสถานทูตไทยกับสถานทูตญี่ปุ่นแทนนั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าว่า ที่เขาร่วมมือกับเราคือภายใต้กฎหมาย ซึ่งผู้ให้บริการก็มีกติกาในการรักษาความลับของผู้ลงทะเบียน รวมถึงไม่เปิดเผยสิ่งที่ผู้ลงทะเบียนไม่อนุญาต ขอยืนยันว่าเขาไม่ได้ร่วมมือกับเราเพื่อไปบล็อกเสรีภาพของผู้ใช้ แต่ถ้ามีกรณีเฉพาะก็ประสานงานไปได้เพราะที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ส่วนเราในฐานะผู้เดือดร้อน

เรียบเรียงโดย : อุดร แสงอรุณ