ไม่มีแรงใด เสมอด้วยแรงกรรม!!! "เจ้าคุณประสาร" นั่งไม่ติด อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ถามดีเอสไอ ทำไมชอบพูดพาดพิงให้สังคมเข้าใจอาตมาผิด

ไม่มีแรงใด เสมอด้วยแรงกรรม!!! "เจ้าคุณประสาร" อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ มาถามดีเอสไอ ทำไมชอบพูดพาดพิงให้สังคมเข้าใจอาตตาผิด

วันที่ 6 พฤศจิกายน พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “พระเมธีธรรมาจารย์ – เจ้าคุณประสาร” ใจความว่า

เจตนาของ DSI คืออะไร?

เมื่อวานนี้ (5 พฤศจิกายน) อาตมาได้ชี้แจงผ่านเฟชบุ๊คในประเด็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อสอบถามประวัติ ตำแหน่งและภาระงานของอาตมาในการนี้

อาตมาได้ชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจในตัวอาตมาให้ตรงกับข้อเท็จจริงไปโดยละเอียดแล้ว และอาตมาก็เดินทางไปทอดกฐินที่ต่างจังหวัดก็นึกว่าเรื่องจะจบและเข้าใจกันดีทุกฝ่าย

ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ กลับมีความพยายามจากบางฝ่าย บางหน่วยงานเพื่อจะดำเนินการบางอย่างกับอาตมาให้ได้ และพยายามให้สังคมเข้าใจว่าอาตมาเป็นพระที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่งเลย

อาตมาจึงอยากถามท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ด้วยจิตที่มีเมตตาต่อกันว่า (อาตมาไม่เคยพูดถึงท่านเลย ท่านกลับให้สัมภาษณ์พูดจามาถึงอาตมา จึงจำเป็นต้องถาม)

1.ที่บอกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สอบอาตมาคู่ไปกับตำรวจนั้น ถามว่าท่านสอบอะไร ประเด็นไหน สำคัญถึงขั้นต้องสอบควบคู่กันไปกับตำรวจขนาดนั้นหรืออย่างไร

2.ท่านได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อจริงหรือไม่ โดยบอกว่าอาตมาโพสต์เฟชบุ๊คเชิญชวนพระสงฆ์ทั่วประเทศชุมนุม เข้าข่ายความผิดอาญาและประกาศ คสช. ท่านพูดสั้นๆ ห้วนๆ ปล่อยให้คนจินตนาการต่อไปอีกมากมาย ท่านมีหลักฐานสำคัญอะไรยืนยันในเรื่องใหญ่ขนาดนี้

3.การมีหนังสือร่อนไปขอสอบประวัติอาตมาจาก ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น ท่านมีวัตถุประสงค์อะไร มีอะไรที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่หรือไม่ ระดับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะสอบประวัติใครสักคนในประเทศนี้จะต้องใช้วิธีการแบบนี้หรือ นี่หรือคือมาตรฐานการสอบประวัติบุคคลของกรมที่ผู้คนทั้งประเทศคิดว่ามีข้อมูลที่ดีที่สุดและเก่งกาจสามารถในเรื่องการสืบสวนสอบสวนจนได้ชื่อกรมว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ

4.การส่งหนังสือไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอย่างเปิดเผยขนาดนี้ ทั้งที่กรมสำคัญเช่นนี้ ควรจะรู้ว่าวิธีการแบบนี้มันมีผลกระทบต่อคนที่ท่านต้องการแสวงหาข้อมูลในตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง สังคมอาจเข้าใจผิด เห็นผิดและอาจจะมีผลก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อบุคคลนั้นๆได้ ในเรื่องง่ายๆแบบนี้ท่านกลับไม่คำนึงถึง แต่เมื่อสื่อตีข่าวในเรื่องนี้กลับมีการคำนึงถึงว่าจะมีผลเสียเกิดขึ้น จำเป็นจะต้องมีแพะมารับบาปในเหตุการณ์นี้

ท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อาตมาเป็นพระสงฆ์ สงบ เงียบ รู้จักอะไรควร ไม่ควร และไม่เคยพูดอะไรพาดพิงถึงท่านอธิบดีเลย ไม่เคยเลยจริงๆ แต่เมื่อท่านพูดพาดพิงมาถึงอาตมาซึ่งอาจจะทำให้สังคมเข้าใจในตัวอาตมาผิดพลาดและคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงได้ นี่คือเหตุผลหลักที่ต้องออกมาพูดอีกครั้งในวันนี้ ทั้งที่ควรจะจบไปได้แล้ว

วันนี้อาตมาจึงขอถามท่านอธิบดีกลับคืนไปบ้าง เพื่อจะได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ยังไม่เคยรับรู้มาก่อน อันอาจจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่ออาตมาและสังคมได้บ้างตามสมควรแก่เหตุปัจจัย

#เจ้าคุณประสาร
6 พฤศจิกายน 2559