เบื้องหลัง “สงครามทรัมป์-คลินตัน” กับสหรัฐต้นแบบประชาธิปไตย จลาจลฆ่า-เผาเมือง “เห็นเขาต่ำ อย่าต่ำตามเขา เปลว สีเงิน” ???

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

เบื้องหลัง "สงครามทรัมป์-คลินตัน"

 

       สหรัฐ ประเทศ "ต้นแบบประชาธิปไตย" เลือกตั้ง ๘ พฤศจิกา.๕๙ ได้ "ทรัมป์" เป็นประธานาธิบดี อเมริกันชนโกรธ ไม่พอใจ จลาจล "ฆ่า-เผาเมือง" "ไม่ยอมรับทรัมป์เป็นประธานาธิบดี"  "บางรัฐ" ถึงขั้นประกาศ "ขอแยกประเทศ"! เราเป็นชาติอารยวัฒนธรรมก่อเกิดมาร่วมพันปี จงใช้อารยจิตมองดูความเป็นไปของชาติเกิดใหม่อย่างสหรัฐด้วยความเข้าใจเถิด เห็นเขาต่ำ.........อย่าลดต่ำตามเขา ด้วยไปแสดงอาการสะใจ เย้ยหยามกับพฤติกรรมทรามของคนประเทศเขา สหรัฐน่ะ นอกจากวัตถุกับหยิ่งในหลง อย่างอื่นไม่มีอะไร พวกเราไปให้ค่าเขาเกินราคาไปเอง

       วันนี้จะไม่คุยอะไร.....เพราะผู้ใช้นาม vars ไลน์ "หลังฉาก" สงครามเลือกตั้งมาให้อ่าน เจ้าของเรื่องเขียนไว้ก่อนเลือกตั้ง ผมขออนุญาตผู้เขียนไว้ตรงนี้นะครับ

       ข่าวเกี่ยวกับ Donald Trump ในประเทศไทย เป็นข่าวที่ไม่ใช่ Fact แต่เป็น opinion ของนักข่าวไทยที่ชอบขยายความ ทำให้คนคิดว่า Trump เป็นรังเกียจสีผิวบ้าง dictator บ้าง สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงคำพูดบางส่วนที่ Trump ยังพูดไม่หมด แล้วเอาคำพูดในส่วนนั้นมาสรุปทั้งหมดจากความเห็นของนักข่าว ซึ่งส่วนใหญ่ มาจาก CNN ซึ่งเชียร์ Clinton ในขณะที่ ค่ายข่าว Fox News เชียร์ Trump mp ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งมันเกลียด เพราะ Trump กำลังผ่าตัด ให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรค Republican ซึ่งคนอเมริกันเริ่มเห็นความตอแหลของนักการเมืองที่ดีแต่พูด พวกหัวเก่าอย่างตระกูล Bush จึงเกลียด Trump มาก

Fact ที่เกี่ยวกับ Trump

       Trump 1 : Trump เป็นนักธุรกิจที่เคยล้มละลายมาแล้ว รู้สึกว่าจะ 3 ครั้งในอดีต ขณะนี้เป็นเศรษฐีอเมริกันรวยเป็นอันดับที่ 151 ใน USA ผมเคยรู้จัก Trump มากว่า 30 ปี ในฐานะเป็นนักธุรกิจและนักต่อรองเจรจาระดับชาติมีชื่อเสียง

       ข้อเสียคือ Trump เป็นนักธุรกิจมืออาชีพ ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพแบบ Clinton จึงไม่มีมารยาททางการเมืองเวลาพูดหรือการแสดงออก ฉะนั้น Trump จะพูดตรงๆ ไม่เกรงใจใคร และไม่แคร์ใคร Trump เห็นว่า ปัจจุบัน วิธีหาผลประโยชน์ของรัฐบาลอเมริกันใน Middle East ไม่ถูกต้อง ได้ไปสร้างปัญหาให้คนต่างชาติเกลียดอเมริกันมากยิ่งขึ้น ที่ไม่เข้าใจพื้นฐาน Trump จะไป make a win win deal กับแต่ละประเทศ ในแบบ Fair Trade ไม่จำเป็นต้อง Free Trade เพราะรัฐบาลในแต่ละประเทศมีนโยบายเอาเปรียบชาวบ้านที่แตกต่างกัน

เบื้องหลัง “สงครามทรัมป์-คลินตัน” กับสหรัฐต้นแบบประชาธิปไตย จลาจลฆ่า-เผาเมือง “เห็นเขาต่ำ อย่าต่ำตามเขา เปลว สีเงิน” ???

 

       ในขณะที่ Clinton ก็จะมีนโยบายอย่างเดิมที่เห็นอยู่ เอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้องที่คอยสนับสนุนตัวเอง แล้วแบ่ง cake ให้ทีหลังคอยแทรกแซงภายในแล้ว manipulate นักการเมืองภายใน แล้วใช้ความอลังการของความเป็นอเมริกัน ทำให้คนอื่นต้องจำยอม Because we got a bigger gun.

       Trump 2 : Trump มีนโยบายลดภาษีทางธุรกิจลง เพื่อไปเพิ่มกำไรให้ Corporate ซึ่งทำให้ธุรกิจขยายตัว ไปสร้างงานเพิ่มขึ้น corporate profit ยิ่งมากเท่าไหร่ ธุรกิจก็จะไปสร้างงานและ employment มากยิ่งขึ้น กติกาภาษีในอเมริกา corporate tax rate สูง แต่จำนวนภาษีที่จ่ายน้อย เพราะมี tax deductible incentive สูง ในขณะที่ employee tax rate ไม่สูง แต่จำนวนเงินภาษีจ่ายมากกว่า รัฐบาลจึงมีรายได้ภาษีหลักมาจาก employee ไม่ใช่ corporate

       แต่ corporate จะเป็นตัวสร้างงาน ทำให้เกิด employment แล้วรัฐบาลเก็บ tax ตามมา วิถีทางนี้ ทำให้คนอเมริกันเกิดเป็น entrepreneurship spirit อยากเป็นเถ้าแก่ มากกว่าเป็นลูกจ้าง

       Trump จะไปเปลี่ยนกฎหมายธุรกิจให้ Fair เกิดการแข่งขันสมบูรณ์ ที่ธุรกิจเล็กจะได้ handicap ทางภาษีสูงกว่าธุรกิจใหญ่ ทำให้แข่งกันได้ไม่เกิดการผูกขาด ในขณะที่ Clinton มีนโยบายประชานิยม ให้นักเรียนในระดับมหา'ลัยเรียนเกือบฟรี นโยบาย subsidize พลังงานและเชื้อเพลิง และของฟรีแจกประชาชนอีกหลายแบบโดยเอาเงินจากการเก็บภาษีคนรวยและธุรกิจเพิ่มขึ้น คิดว่ารวยแล้วต้องแบ่งให้คนจนบ้าง จึงจะถูกต้อง

       ฉะนั้น รัฐบาล Clinton จะไปเพิ่ม national debts ขึ้นอีกอย่างมหาศาล แต่จะไปทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้น ส่วนหนี้จ่ายในอนาคต ก็เป็นเรื่องคนอื่นต่อไป ตอนนี้อยู่กินสบายก็พอ ต่างกับ Trump ที่จะไปลด national debts ควบคุมระดับเงินดอลลาร์ให้มั่นคงและเสถียรกว่าที่เป็นอยู่ จะได้ไม่เสียเปรียบในการต่อรองระดับชาติ

       Trump 3 : Trump เป็นคนที่พูดตรงๆ ในหลักการไม่พูดหวาน แบบธุรกิจ คือปากหมาด้วย  Clinton พูดหวานราบเรียบ แต่มีสาระน้อย เพียงทำให้คนฟังรู้สึกดี พูดแบบนักการเมืองที่สร้าง Charisma ให้คนนิยมชมชอบคนส่วนใหญ่เลือกประธานาธิบดี เพราะรู้สึกดี มาดดี พูดจาเข้าท่า เพราะไม่มีความรู้ ความเข้าใจที่แท้จริง ดูจากลักษณะภายนอก เป็นหลัก

       Trump 4 : trump ไปทะเลาะและด่าสื่อสารมวลชน 150 กว่าแห่ง ว่าขายข่าวอย่างโกหกตอแหล สื่อทั้งหมดเกลียด Trump แต่ทุกคนวิ่งไปทำข่าวให้ Trump ฟรีโดยด่ากลับคืน Trump ได้เนื้อที่ข่าวฟรี ไม่ต้องลงโฆษณา ลงแค่ 1$ ล้าน ในขณะที่ Clinton ใช้เงินประมาณ 30$ ล้านลงไปกับสื่อ เป็นยุทธศาสตร์การหาเสียง แบบ Reverse Psychology by attracting the opposites of "Think Differrence" เรียกวิธีการนี้เป็นแบบ Management Through Intimidation แนวใหม่ ฝ่ายตรงข้ามยิ่งด่า Trump มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คนอเมริกันอื่นๆ เริ่มเห็นความลำเอียงของสื่อ และหันมาศรัทธา Truimp มากขึ้น จึงได้คะแนนเสียงขึ้นมาอย่างถล่มทลาย

เบื้องหลัง “สงครามทรัมป์-คลินตัน” กับสหรัฐต้นแบบประชาธิปไตย จลาจลฆ่า-เผาเมือง “เห็นเขาต่ำ อย่าต่ำตามเขา เปลว สีเงิน” ???

       Trump 5 : Clinton โกหกอย่างชัดเจนเรื่อง การลบข้อมูล Classfied e-mail ที่เป็นความลับทางราชการกว่า 33,000 e-mail

แถมยังให้สามี Bill Clinton พา Head of FBI ขึ้นเครื่องบิน private jet กว่า 40 นาที บนท้องฟ้าเพราะดักฟังเสียงบนอากาศเคลื่อนที่ไม่ได้ ใช้บารมี ทำให้ FBI ยกฟ้อง Hillary เรื่อง Classified E-mail ถ้าเป็นคนธรรมดา FBI ดำเนินเรื่องติดคุกหัวโตไปแล้ว แต่ Hillary รอดทุกกระทงจาก FBI คนอเมริกันจึงรู้ว่า Clinton โกหกตอแหล มาหลายครั้ง ในขณะที่ Trump ถูกมองว่า จะเอาประเทศอเมริกามา for sales เหมือนทำธุรกิจ ชาวบ้านกลัว

       Trump 6 : trump จะสร้างกำแพงกั้นเขตแดน Mexico เหมือนฮ่องเต้ฉินซีสร้างกำแพงเมืองจีนป้องกันมองโกลรุกราน เพราะปัจจุบันมี Illegal Mexican ลักลอบเข้ามาอยู่ในอเมริกากว่า 13 ล้านคน รัฐต้องออกค่า social wellfare ให้กับคนเหล่านี้ ซึ่งเป็นเงินจากภาษี Truimp จะ screen คนที่เข้ามาให้ถูกต้อง จะส่งคนผิดกฎหมายกลับประเทศ โดยไม่มีข้อยกเว้น Trump จะไม่รับ Refugee จากซีเรีย เพราะพวก Terror มักแทรกซึมเข้ามาตรวจสอบยากมาก ในขณะนี้ Obama รับ refugee จากซีเรียมาแล้ว กว่า 10,000 คน

       ปีหน้า Clinton จะรับเข้ามาอีก 100,000 คน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ควรทำเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ Trump บอกว่าแบบนี้อเมริกาไม่คุ้มและฉิบหายแน่

       Trump 7 : ถ้า Trump ได้เป็น president จะเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในวิถีทางการเมือง ซึ่งขาดประสิทธิภาพในแบบระบบราชการ ให้มาเป็นแบบธุรกิจที่มีการแข่งขันให้อยู่รอด ต่างกับ Clinton ต้อง manipulate เลียแข้งเลียขาเพื่อเอาตัวรอด Trump จะรักษาหลักการ Democratic Capitalistic Principle และ Second Amendment ในรัฐธรรมนูญดั้งเดิมที่ American Forefathers ได้สร้างมา การเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้ว่าจะมีผลเสียตามมา ทำให้คนส่วนใหญ่กลัวความไม่แน่นอนที่จะเกิด ในขณะที่ทุกคนก็รู้ว่า ระบบปัจจุบันใช้ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนไปอย่างอื่น แต่ก็กลัวไม่กล้าเปลี่ยน เห็นด้วยแล้วก็กลัวด้วย

       Truimp 8 : เพื่อนนักการเมืองของผมเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันการหาเสียงไม่ทำอย่างวิธีเดิมคือ ไม่โฆษณาให้ชาวบ้านเห็นความดีความเก่งของตัวเอง ทำให้ว่าชมตัวเอง คนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเชื่อแล้ว ก็มันชงกันเองนี่ แต่การโฆษณาเปลี่ยนไปเป็นการจ้างองค์กรอื่นไปบอกประจานความชั่ว เลวของนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ดี เลยตัดสินใจเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง คือ For me to look good, the opposite has to look bad. เพราะมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น

       ฉะนั้น ระหว่าง Trump vs Clinton คือการเลือกระหว่าง Bad vs Evil" ทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่ถูกในตอนแรก

แพ้ชนะจะเฉือนกันในอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง

Cr. พี วิชัย ศรีมงคลกุล  เศรษฐศาสตร์ มธ. ทำงานอยู่ที่ USA

เบื้องหลัง “สงครามทรัมป์-คลินตัน” กับสหรัฐต้นแบบประชาธิปไตย จลาจลฆ่า-เผาเมือง “เห็นเขาต่ำ อย่าต่ำตามเขา เปลว สีเงิน” ???

 

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : เปลว สีเงิน theatlantic.com