จะหยุดกันไหม !!! “พล.อ.ประยุทธ์” เหยียบเบรค“กรธ.-กกต.”โต้รายวัน  ...โปรดฟังเอาไว้อย่ามาหาว่าดุนะ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โต้เถียงกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โต้เถียงกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จนดูเหมือนจะกลายเป็นความขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่ายว่า ขอให้ทุกคนถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน คุยกันให้รู้เรื่อง หากจะให้ปรามก็จะกลายเป็นว่าตนไปดุ กกต.และ กรธ.ล้วนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น และเชื่อมั่นว่าทุกคนปรารถนาดี แต่การตอบโต้ไปมาผ่านสื่อจะทำให้สังคมเกิดความวิตกว่าจะเกิดความขัดแย้งกันอีกหรือไม่ ดังนั้น เรื่องนี้ต้องว่ากันด้วยเหตุด้วยผล

 

ผมบอกแล้วไงว่าทุกคนต้องดูว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหน วันนี้เรากำลังปฏิรูปประเทศ มันก็ต้องปฏิรูปตัวเองก่อน การปฏิรูปตัวเองคือการฟังคนอื่น  ฟังกันไปฟังกันมาแล้วหาข้อยุติให้ได้ อย่างน้อยระดับหนึ่งต้องทำให้ได้ก่อน อันไหนที่ยังไม่ได้เดี๋ยวค่อยมาเถียงกันต่อ มิเช่นนั้นถ้าเถียงกันตั้งแต่แรก มันก็ไปไม่ได้สักอัน กกต.มีกฎหมายหลายฉบับ แต่จะเอาฉบับที่ทำได้มาเขียนให้จบก่อนได้ไหม มิเช่นนั้นมันจะพาลให้อย่างอื่นไม่เสร็จด้วย

ก่อนหน้านี้ สนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวถึงการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่จัดขึ้นโดย กรธ. เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายสำคัญที่มีผลต่อการเมืองไทย ทุกฝ่ายควรมีโอกาสให้ความเห็นเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ กรธ.ทำเพียงพิธีกรรม ไม่ได้มุ่งหวังให้ประชาชนได้รู้ถึงเนื้อหาสาระของกฎหมายอย่างแท้จริง เนื่องจากเชิญคนเข้าร่วมขาดความเอาจริงเอาจัง พรรคการเมืองขนาดใหญ่ไม่มีตัวแทนเข้าร่วม จะอ้างปัญหาทางธุรการไม่ได้ และกฎหมายที่นำมาเสนอยังเป็นกฎหมายคนละฉบับ เอาร่างเดิมของ กกต.ที่เสนอขึ้นไปมานำเสนอที่ประชุม ทั้งๆ ที่สาระสำคัญเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ กรธ.ควรเอาร่างของ กรธ.ที่ปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญแล้วมาแสดง

 

ลักษณะการดำเนินการของ กรธ.ไม่จริงใจในการที่ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแก่ประชาชน ทั้งที่ควรจัดเวทีแบบนี้ โดยให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระที่เป็นจริง ผมไม่อยากให้ กรธ.ทำตัวเหมือนนักศึกษาส่งวิทยานิพนธ์ ที่ต้องสอบวิทยานิพนธ์ แต่ไม่ยอมพบอาจารย์ที่ปรึกษา หมกเม็ดไม่ปรึกษาขอความเห็น พอถึงเวลาใกล้หมดอายุความก็ยื่นวิทยานิพนธ์เล่มเต็มมา แล้วก็อาศัยเวลาที่เหลืออยู่บีบบังคับให้จบ

 

ด้านนายมีชัย  ฤชุพันธ์ ประธานกรธ ก่อนหน้านี้ก็ กล่าวถึง กกต.ที่ออกมาตอบโต้เวทีสัมมนาการรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า เราไม่ตอบโต้ เรื่องของบ้านเมืองไปใช้อารมณ์ไม่ได้ เวลาคิดต้องคิดเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อย่าไปคิดแต่เฉพาะส่วนที่กระทบตัวเอง และยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร การไปใช้อารมณ์ไม่เกิดประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ ส่วนที่มี กกต.บางคนระบุว่า กรธ.หมกเม็ดในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ขอตอบ และเราจะก็ไม่รู้ว่าจะไปหมกได้อย่างไร เพราะเวลาที่เราพิมพ์อะไร ก็เปิดเผยหมด ส่วนอะไรที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ก็ยังไม่นำมาเผยแพร่ เพราะหากนำมาเผยแพร่แล้วอาจเปลี่ยนแปลง ก็จะบอกว่า กรธ.กลับไปกลับมา ดังนั้นทุกอย่างต้องให้ชัดเจนก่อน หลักแบบนี้ใช้มาตลอดเพื่อป้องกันความสับสน

 

เมื่อถามถึงสาเหตุที่เพิ่มจำนวน กกต.จาก 5 คน เป็น 7 คน โดย 2 คนอยู่ในส่วนกฎหมาย นายมีชัย กล่าวว่า เราจะให้บทบาท กกต.ในการตรวจจับการทุจริตการเลือกตั้ง การใช้เงินเข้ามามีส่วน ซึ่งเป็นเรื่องทางคดีอาญาและการดำเนินคดีในอนาคต จึงต้องเพิ่มคนที่มีความรู้ทางกฎหมายโดยเฉพาะ มีประสบการณ์ด้านตุลาการมาแล้วมาช่วยเป็นหลัก จะได้ไม่ต้องกังวลกับข้อกฎหมาย ส่วนอีก 5 คนมาจากหลากหลายเพื่อคละเคล้ากันพยายามผสมผสาน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ กรธ.ให้ทั้งมีดและเครื่องมือต่างๆ ลงไป เพราะ 5 คนอาจไม่เพียงพอ

 

 

เรียบเรียงโดย ชนุตรา  สำนักข่าวทีนิวส์