โลกอย่าสวยกันนักเลย !!! อีกแง่มุมของ “ทหารพรานหญิง” โพสต์ถึงการฝึก มันก็จริง ...หน่วยรบพิเศษนะ ไม่ใช่ อนุบาลหมีน้อย

ในเพจ ทหารพรานหญิง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ความคิดเห็นส่วนตัวไม่โลกสวยนะคะ นี่คือ การฝึกจู่โจมทหารม้า จู่โจมนะคะ รบพิเศษนะคะ ไม่ใช่ รบพิเศษอนุบาลหมีน้อย ที่พอฝึกจบแล้วกินนมนอน คนที่โดนลงโทษก็ไม่ใช

ในเพจ ทหารพรานหญิง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ความคิดเห็นส่วนตัวไม่โลกสวยนะคะ

 

นี่คือ การฝึกจู่โจมทหารม้า จู่โจมนะคะ รบพิเศษนะคะ ไม่ใช่ รบพิเศษอนุบาลหมีน้อย ที่พอฝึกจบแล้วกินนมนอน  คนที่โดนลงโทษก็ไม่ใช่พลทหาร หลักสูตรนี้พลทหารไม่มีสิทธิเรียนแน่นอน ก่อนจะเรียนหลักสูตรนี้เขาก็ให้เซ็นสัญญาก่อนว่า " ถ้าเกิดอะไรขึ้นทางหน่วยจะไม่รับผิดชอบ อีกอย่างหลักสูตรนี้เขาไม่ได้บังคับให้มาเรียน คนที่เข้ามาเรียนหลักสูตรนี่ นั่นก็คือ " คนที่เต็มใจ ที่จะมาเรียนเท่านั้น  " เพราะก่อนที่จะสมัค ทุกคนจะต้องรู้อยู่แล้ว หลักสูตรนี่ " มันโหดแค่ไหน " ที่มาเรียนก็ต้องเตรียมใจก่อนแล้ว เคยเห็นรบพิเศษที่ชายแดนภาคใต้มั้ย ที่เขาแกร่งขึ้น แข็งแรงขึ้น ยิ่งปืนแม่น คล่องตัวไว ซ่อนตัวเงียบ เคลื่อนตัวฉับพลัน สามารถจับผู้ก่อการร้ายได้ ก็เพราะ เขาทั้งหมด ต้องผ่านการฝึกรบพิเศษมา ถ้าให้คนธรรมดา ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมา คนธรรมดา ที่ไม่ได้ฝึกยิงปืน ที่ไม่เคยโดนการฝึก ที่ไม่เคยโดนฝึก ให้ทนให้เข้มแข็ง ถ้าให้มารบ ใน 3 ชายแดนภาคใต้ มาปกป้องประชาชน จะได้มั้ย มันก็ไม่ได้ เพราะถ้าเขาไม่ผ่านการฝึกรบพิเศษมา เขาก็ไม่รู้หรอก ว่า " ความอดทน เข็มแข็ง ไหวพริบ ฉับพลัน " มันเป็นยังไง ที่เขาฝึกหนักขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะ เพื่อปกป้องประชาชนหรอกหรอค่ะ อีกอย่าง คนที่เข้ามารับการฝึกจู่โจม รบพิเศษ เขาก็เต็มใจเองที่จะมา เขาย่อมรับรู้ เข้ามาแล้วต้องเจอกับอะไร  ถ้าอ่อนแอ จะมาเป็นทหารทำไม ? อ่อนแอ จะเป็นทหารเพื่อปกป้องชีวิตประชาชนได้อย่างไร ?

โลกอย่าสวยกันนักเลย !!! อีกแง่มุมของ “ทหารพรานหญิง” โพสต์ถึงการฝึก มันก็จริง ...หน่วยรบพิเศษนะ ไม่ใช่ อนุบาลหมีน้อย

หน่วยรบพิเศษ (Special Force) หมายถึง หน่วยทหารที่มีภารกิจหน้าที่ในการปฏิบัติการพิเศษต่าง ๆ ซึ่งต่อมา มีการพัฒนาหลักนิยมการปฏิบัติการของกองทัพ จึงได้มีคำที่คล้ายคลึงกันคือคำว่า การปฏิบัติการพิเศษ (Special Operation Force) โดยทั่วไปยังมีความหมายครอบคลุมใกล้เคียงกับคำว่า รบพิเศษ โดยในกองทัพไทยจะมีหน่วยรบพิเศษหรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ อยู่ในทั้งสามเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

-1 หลักสูตรจู่โจม Ranger กองทัพบกไทย

หลักสูตรจู่โจมที่จะเปิดการศึกษาแต่ละปีจะใช้หลักสูตรระยะเวลา 9 สัปดาห์ (63วัน) หรือ 504 ชั่วโมง แบ่งภาคการฝึกออกเป็น 4 ภาค ดังนี้

- ภาคที่ตั้ง ระยะเวลา 12 วัน

- ภาคป่าที่ราบ ระยะเวลา 14 วัน

- ภาคป่า/ภูเขา ระยะเวลา 19 วัน

- ภาคป่าที่ลุ่มทะเล ระยะเวลา 14 วัน

2.การทดสอบ / ประเมินผลระหว่างรับการศึกษาในหลักสูตร

2.1 การทดสอบร่างกาย

* วิ่งตัวเปล่าในระยะทาง 3 ไมล์, 5 ไมล์ : เกณฑ์ผ่านใช้เวลาไมล์ละ 9 นาที

* เดินเร็วประกอบเครื่องสนามระยะทาง 6 ไมล์ และ 12 ไมล์ : เกณฑ์ผ่านใช้เวลาไมล์ละ 15 นาที

* เดินเร็วประกอบเครื่องสนามระยะทาง 17 ไมล์: เกณฑ์ผ่านใช้เวลาไมล์ละ 25 นาที

* เดินเร็วประกอบเครื่องสนามระยะทาง 800 เมตร : เกณฑ์ผ่านใช้เวลา 4 นาที 10 วินาที

* การเดินเร่งรีบ : ตามมาตรฐานของการฝึก ทบ.

* ทดสอบพลศึกษาก่อนเข้าภาคสนาม - ดึงข้อ เกณฑ์ผ่าน 9 ครั้ง เกณฑ์สูงสุด 20 ครั้ง/ไม่จำกัดเวลา

- ลุกนั่ง เกณฑ์ผ่าน 50 ครั้ง เกณฑ์สูงสุด 79 ครั้ง/เวลา 2 นาที

 

ผู้เข้ารับการฝึกทุกคน ถูกจับละเลงตัวด้วยฝุ่นดำ เหมือนกันหมด เพราะที่นี่ไม่มียศ ไม่มีร้อยโท ไม่มีนายสิบ มีเพียงครูกับนักเรียน "เอี้ย เอี้ย เอี้ย" เสียงคำรามจากกองร้อยจู่โจม เมื่อการ รับน้องจะเริ่มขึ้น

 

สถานีฝึกรับน้องแห่งแรกคือการคืบคลานไปในบึงโคลน อันเหนียวหนืด เป็นระยะทางกว่า 100 เมตร ไม่มีการพัก ไม่สามารถโอดครวญ จะเหม็นเน่าโสโครก เท่าใด นักเรียนก็ต้องทน

 

"เอี้ย เอี้ย เสียงนักเรียนจู่โจมตะโกนคอแทบแตก แต่ครูฝึกบอกเสียงดังเหมือนลูกแมว

 นักเรียนจู่โจมต้องพร้อมเสมอ แม้เวลาพักทานอาหาร สัมภาระและอาวุธก็ยังติดกาย สนามวิบากในป่า นักเรียนต้องกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอย่างฉับพลันและต่อเนื่อง ฝึกข้ามสิ่งกีดขวางโดยไต่ไปตามเชือกเส้นเดียว นักเรียนจู่โจมฝึกไต่ลงมาจากหน้าผาสูงพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์และคนป่วย สถานีวัดกำลังใจสุดๆ ของภาคป่าและภูเขา คือการไต่จากหน้าผาสูง 120 ฟุต ด้วยการเอาหน้าลง

 ผบ. กำลังทบทวนคำลั่งยุทธการ ให้นักเรียน จู่โจมออกปฏิบัติการขึ้นบก ซึ่งพวกเขาไม่รู้หรอกว่า มันคือการว่ายทะเลโคลนหลายกิโลเมตร ทีละคืบ...ทีละคืบ ตะเกียกตะกายคลานในทะเลโคลน เป็นเวลาร่วม 5 ชั่วโมง กว่าจะเข้าฝั่งสำเร็จ...คือความหฤโหด ที่สุดของภาคทะเล

 นักเรียนตนนี้เป็นตะคริวอย่างรุนแรง เพราะอยู่ในทะเลโคลนนานเกินไป เพื่อนๆ ต้องช่วยกัน ลากขึ้นฝั่งและหามส่งโรงพยาบาลทันที

 นอกจากการขึ้นบก-ทะเลโคลน นักเรียน จู่โจมยังต้องลอยคอในทะเล ว่ายเข้าหาฝั่งเป็นระยะทางกว่า 2 ไมล์ทะเล ในสถานการณ์สมมุติว่าเรือแตก รุ่งเช้านักเรียนจู่โจมตระเตรียมอาวุธ ยุทโธปกรณ์ก่อนออกเดินทางเพื่อเข้าโจมตีข้าศึก ณ พิกัด ที่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร เมื่อถึงการฝึกช่วงนี้ เครื่องหมาย "เสือคาบดาบ" ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

 ความรู้ทุกอย่างในวิชาทหารที่ได้รับ การฝึกสอนมา เช่น การลาดตระเวน การอ่านแผนที่ เข็มทิศ การใช้อาวุธ การซุ่มโจมตี ฯลฯ นักเรียนจู่โจม ต้องนำออกมาใช้หมดในภาคการฝึกช่วงสุดท้าย

 จงภูมิใจกับความเหน็ดเหนื่อยตลอด ระยะเวลา 10 สัปดาห์ มันเป็นสิ่งที่มีเกียรติที่สุด..." นายทหารชั้นผู้ใหญ่ กล่าวแก่นักเรียน ผู้พิชิตเครื่องหมาย "เสือคาบดาบ"...ผู้พิชิตใจตัวเอง

โลกอย่าสวยกันนักเลย !!! อีกแง่มุมของ “ทหารพรานหญิง” โพสต์ถึงการฝึก มันก็จริง ...หน่วยรบพิเศษนะ ไม่ใช่ อนุบาลหมีน้อย

 

 

โลกอย่าสวยกันนักเลย !!! อีกแง่มุมของ “ทหารพรานหญิง” โพสต์ถึงการฝึก มันก็จริง ...หน่วยรบพิเศษนะ ไม่ใช่ อนุบาลหมีน้อย

 

 

โลกอย่าสวยกันนักเลย !!! อีกแง่มุมของ “ทหารพรานหญิง” โพสต์ถึงการฝึก มันก็จริง ...หน่วยรบพิเศษนะ ไม่ใช่ อนุบาลหมีน้อย

 

โลกอย่าสวยกันนักเลย !!! อีกแง่มุมของ “ทหารพรานหญิง” โพสต์ถึงการฝึก มันก็จริง ...หน่วยรบพิเศษนะ ไม่ใช่ อนุบาลหมีน้อย

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์