- 13 ธ.ค. 2559
อดีตปปช.ชี้ "ศานิตย์"รับเงินเดือนจากเอกชนไม่ได้!!! เข้าข่ายผิด ก.ม.ปปช. ม.103 ขรก.ทุกคนต้องไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน(รายละเอียด)
จากกรณีที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. เมื่อครั้งรับตำแหน่ง ปรากฏว่าได้รับเงินเดือนเดือนละ 50,000 บาท จากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เบื้องต้นหากพิจารณาตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 ห้ามเพียงนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี ผู้บริหารท้องถิ่น เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียหรือเป็นคู่สัญญากับเอกชน ขณะที่ตำแหน่งข้าราชการไม่ได้ถูกห้ามตามมาตราดังกล่าว ส่วนเรื่องความเหมาะสมด้านจริยธรรม หรือเข้าข่ายขัดกันระหว่างผลประโยชน์หรือไม่นั้น ถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณา
ด้านนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ระบุกรณีดังกล่าวเมื่อมีผู้นำไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว หากเข้าข่ายการพิจารณาของป.ป.ช. ผู้ตรวจฯ ก็จะส่งมา หลังจากนั้น ป.ป.ช. ต้องพิจารณาว่ามีหลักฐานในการรับเงินจากเอกชนชัดเจนหรือไม่
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องว่า ไม่ควรรับเงินจากเอกชน แต่ถ้าเข้าเหตุก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะถ้าดูจากพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 103 กำหนดไว้ชัดเจนว่าข้าราชการทุกคนต้องไม่มีผลประโยช์ทับซ้อน” นายวิชา กล่าว
ทั้งนี้ มาตรา 103 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 บัญญัติว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด และมาตรา 122ได้กำหนดโทษไว้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 103ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
รายงานโดย นาตยา เอนกธนะเศรษฐ์ สำนักข่าวทีนิวส์