จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

สืบเนื่องจากกรณี ละสังขาร ของ“พระอุดมญาณโมลี” หรือ “หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงปู่ใหญ่” ภิกษุชื่อดังรูปสำคัญแห่งกองทัพธรรมสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

หลังจากที่หลวงปู่ใหญ่ได้ละสังขารไปเมื่อ 14 ธันวาคม 2559 ก็ได้ปรากฏรูปภาพเลือดของหลวงปู่ ที่ถูกเก็บไว้ในหลอดแก้ว กลายได้กลายเป็นเกร็ดเล็กๆ โดยเชื่อกันว่าเลือดและน้ำเหลืองของหลวงปู่ได้เปลี่ยนสภาพเป็นพระธาตุ

 

หลังจากภาพพระธาตุของหลวงปู่ได้ถูกนำเสนอผ่านข่าวหลายสำนัก ล่าสุด เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) เฟสบุ๊ค ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้โพสต์ข้อความ เรื่อง “ทดลองเลือดพระธาตุ” ซึ่งทดลองโดยการนำเลือดและน้ำเหลืองหลายหลอด เก็บในรถที่ตากแดด 1 สัปดาห์ เพื่อพิสูจน์ประเด็นดังกล่าว โดยมีข้อความว่า

จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

 

ทดลอง เลือดพระธาตุ”

จากที่มีข่าวว่า เลือดของหลวงปู่องค์หนึ่ง ที่เคยเจาะไว้ตรวจโรค แปรสภาพเป็นเม็ดสีเหลืองใส และเชื่อกันว่าเป็นพระธาตุ … ซึ่งถ้าดูในภาพประกอบ ก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงตรงๆ อย่างที่เคยมีคนเอา “เรซิ่นเครื่องกรองน้ำ” หรือพวก “ซิลิก้าเจล” มาหลอกคน … แล้วสิ่งที่เห็นนั้นเกิดจากอะไร


ผมคุยกับเพื่อนๆ ในวงการหมอ โดยเฉพาะกับ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หมอแล็บแพนด้า ได้สมมุติฐานในการอธิบายว่า คงเป็นเลือดที่มีน้ำเหลืองค่อนข้างมาก มีเม็ดเลือดแดงน้อย (ซึ่งพบบ่อยในคนป่วยและคนชรา ที่เจาะเลือดเก็บตัวอย่างได้น้อย) แล้วแทนที่จะทิ้งไปหลังจากตรวจแล้ว กลับถูกเก็บเอาไว้นานเป็นที่ระลึก จนทำให้เลือดในหลอดแห้งกรัง … ใครที่เคยมีสะเก็ดที่มีน้ำเหลืองเยอะ ก็จะคุ้นๆ ว่าเป็นแบบนั้น เพื่อลองดูว่าสมมุติฐานนี้จะดีพอมั้ย เราก็เลยทดลองเอาเลือดและน้ำเหลือง (ที่ปั่นแยกมาจากเลือด) มาผสมกันเตรียมไว้หลายๆ หลอด หลายความเข้มข้น แล้วเอาไปเก็บไว้ในรถที่ตากแดดซักสัปดาห์นึง (เพื่อเร่งให้ระเหยแห้งเร็วหน่อย) หรือจนกว่าเลือดจะแห้งหมด แล้วกลับมาดูว่าคล้ายกับหลอดของหลวงปู่หรือไม่

ทั้งนี้ การประกาศเรื่องของการทดลองดังกล่าว ก็ได้เกิดการแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก  กระทั่งศิษย์ของหลวงปู่เมื่อได้เห็นข้อความทดลองเลือดพระธาตุ ต่างก็ออกมายืนยันถึงความศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่ โดยมิได้ยึดถือเอาเรื่องพระธาตุมาเป็นสาระสำคัญ

บ้างก็กล่าวว่า ไม่กล้าวิจารณ์เนื่องจากกลัวว่าจะเผลอปรามาสหลวงปู่เข้า

 

“กดเขาไปอ่านแต่ละคอมเม้นนี้ ผมรีบถอนตัวเลยครับ ใครไม่รู้จักหลวงปู่ก็ลองๆ หาดูปฎิปทา มาอ่านดูเล่นๆก็ได้ จะพระธาตุ หรือไม่พระธาตุ จะใส่ใจกันทำไม”

 

  จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

 ส่วน “ทิพยจักร” นักเขียนขายดี แนวธรรมะ และผู้เผยแพร่ประวัติครูบาอาจารย์รูปสำคัญๆในไทย ได้พูดถึงประเด็นนี้ว่า

 เป็นธรรมดาของโลกที่ย่อมมีข้อสงสัยในสิ่งแปลกๆ แต่ในสายของผู้ประพฤติธรรมสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็น เพราะถือเป็นของภายนอกทั้งสิ้น ธาตุสุดท้ายก็คือธาตุครับ คุณของธาตุอยู่ที่เครื่องระลึกถึงคุณความดีของท่านมากกว่า

ธาตุทุกชนิดล้วนหาวิธีสร้างได้ ทำได้ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง ส่วนธาตุของผู้บริสุทธิ์นั้นถ้าจะแปรก็แปรเองโดยธรรมชาติตามความพอเหมาะพอดีของธรรมนั้นโดยมิต้องจัดสรรสิ่งใด

อย่างไรก็ตามเชื่อแน่ว่าความสงสัยในธาตุในอจินไตยคงไม่มีวันจบแต่ก็คงเถียงเฉพาะผู้ปุถุชนผู้มิได้ปฏิบัติแต่ผู้มุ่งธรรมนั้นมิได้เอาเรื่องเหล่านี้เป็นสาระเลย

จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

รายการทุบโต๊ะข่าว AMARIN TV รายงานว่า “พระธีระพงษ์ อาถาธโร” พระอุปัฏฐาก หรือพระผู้รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ใหญ่ เปิดเผยว่า หลวงปู่ใหญ่ท่านเคร่งครัดในการปฏิบัติธรรมมาก แม้ช่วงที่ท่านเข้าโรงพยาบาลก็ต้องสวดมนต์ทุกวัน ในช่วงที่ท่านทรุดหนักแล้วเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ก็ให้ลูกศิษย์พานั่งรถเข็นพาไปสวดมนต์ ถือว่าหลวงปู่ยังปฏิบัติธรรมอยู่ตลอด

 

นอกจากวัตรปฏิบัติอันงดงาม น่าเลื่อมใสศรัทธา ที่หลวงปู่ถือปฏิบัติจนวาระสุดท้ายแล้ว

หลวงปู่ยังบำเพ็ญประโยชน์ ต่อสาธารณกุศลไว้อย่างมากมาย

จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

 

งานด้านสาธารณประโยชน์  

 ท่านได้ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน เรียนดี และมีความประพฤติดี ปีละ 40 ทุน ทุนละ 1,000 บาท ให้รางวัลแก่พระภิกษุ-สามเณรที่สามารถสอบไล่ได้บาลีชั้นประโยค 1-2-เปรียญธรรม 3 ประโยค เป็นประจำทุกปี รูปละ 500 บาท ส่วนครูรูปละ 1,000 บาท

 

นอกจากนี้ยังรับภาระหน้าที่สำคัญๆ ในคณะสงฆ์อีกมากมาย อาทิ เป็นกรรมการชำระพระไตรปิฎก (พระสูตร), เป็นพระอนุกรรมการคณะธรรมยุต, เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง, เป็นพระธรรมทูตประจำจังหวัดอุดรธานี, เป็นประธานมูลนิธิวัดโพธิสมภรณ์, เป็นรองประธานกรรมการบริหารศูนย์บาลีศึกษาอีสาน (ธรรมยุต), เป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดโพธิสมภรณ์

  จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

นอกจากนี้ หลวงปู่ท่านยังได้สร้างหอเมตราธรรมบำบัดวิกฤต ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยภาวะวิกฤต (CICU) แห่งใหม่ของโรงพยาบาลอุดรธานี

ทำการปรับปรุงหอผู้ป่วยอายุกรรมหญิง 1 ตึก ตา หู คอ จมูก ชั้น 4 โดยติดตั้งระบบหอผู้ป่วยวิกฤต และจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น

คณะกรรมการจัดงานบำเพ็ญกุศลอายุวันครบ 100 ปี พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปูจันทร์ศรี จันททีโป จึงได้ประชุมปรึกษาหารือกัน และโรงพยาบาลอุดรธานี จึงได้นำเสนอโครงการจัดตั้งหอผู้ป่วยภาวะวิกฤต คณะกรรมการจึงเห็นสมควรจัดสร้างสาธารณประโยชน์
      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับทราบโครงการจัดตั้งหอเมตตาธรรมบำบัดวิกฤต โดยเมตตาอนุเคราะห์อุปถัมภ์ของพระอุดมญาณโมลี พระองค์มีพระราชศรัทธาในการมีส่วนร่วม จึงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ส่วนที่ขาด จำนวน 22,699,964.73 บาท นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี และข้าราชการเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอุดรธานี เป็นอย่างยิ่ง

 

  จะโชว์ฉลาด ก็อย่าเผลอไปปรามาสหลวงปู่ พระธาตุเป็นอย่างไรไม่ใช่สาระ อ่านแง่มุมงดงาม...#หลวงปู่จันทร์ศรี พระอริยะที่ ร.9 ทรงสมทบราชทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมทำบุญ

อาการอาพาธ และการละสังขาร

พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 59 คณะแพทย์ผู้ให้การดูแลรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พย.59 หลวงปู่มีอาการไข้ หายใจเร็ว ถ่ายเหลว แพทย์ได้รักษาจนอาการดีขึ้น

ต่อมา 12 ธค. มีอาการทรุดลงจนวิกฤต และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด กระทั่งละสังขารอย่างสงบในเวลา 20.00 น. ของวันที่ 14 ธค. 2559

 

นับว่าท่านเป็นพระอริยะเจ้า ผู้สร้างความเจริญให้แก่พระพุทธศาสนา และประเทศชาติ มีคุณูปการแด่พุทธศานิกชนชาวไทยอย่างมากมาย  เป็นพระสุปฎิปัณโณ ผู้ดำเนินตามรอยบาทพระศาสดาอย่างแท้จริง ด้วยศีลอันบริสุทธิ์งดงามตลอดชีพของท่าน

น้อมกราบหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป ส่งหลวงปู่สู่แดนนิพพาน

 ข่าวโดย: ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)