- 25 ธ.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
เวียนบรรจบถึงวันที่ ๒๘ ธ.ค. ของทุกปี ประชาชนคนไทยต่างรู้สำนึกดีว่าวันดังกล่าวเป็นยิ่งกว่าความทรงจำทางประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะต้องจารึกไปชั่วลูกหลานในอนาคต เนื่องจากเป็น วันคล้ายวันปราบดาภิเษก “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” พระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าให้แก่ประเทศไทย และเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว แต่ที่สำคัญพิเศษยิ่งกว่านั้น ก็คือวันแห่งประวัติศาสตร์ชาติดังกล่าวได้ผ่านพ้นมาครบ ๒๕๐ ปีพอดีในปี ๒๕๖๐ ...
นับเนื่องจาก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ และความหาญกล้านำหล่อหลอมคนไทยที่มีหัวใจรักชาติแผ่นดิน รุกรบฟาดฟันกองทัพพม่าจนรับชัยชนะเหนือข้าศึกที่มารุกรานกรุงศรีอยุธยา แล้วพระองค์ตัดสินพระทัยยกทัพกลับมาที่ธนบุรีเพื่อตั้งราชธานีใหม่ แล้วขนานนามว่า "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” และทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๑๐ ในช่วงพระชนมายุเพียง ๓๔ พรรษา ทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔
การเรียนรู้ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงต่อมา ปรากฏชัดเจนว่าแม้พระองค์จะมีชันษาไม่มาก และไม่เคยมียศถาบรรดาศักดิ์ ด้วยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรืออีกพระนามคือ สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔ พระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗ ทรงมีพระนามเดิมว่า "สิน” พระบิดาเป็นพ่อค้าชาวจีนแต้จิ๋ว นามว่า "นายไหฮอง แซ่แต้" พระมารดา เป็นหญิงไทยนามว่า "นกเอี้ยง” สันนิษฐานว่า ถิ่นกำเนิดของพระองค์น่าจะอยู่แถบภาคกลาง ในกรุงศรีอยุธยามากกว่าเมืองตาก
หากแต่พระองค์ทรงมีจิตสำนึกและพระทัยแน่วแน่ที่จะทำให้แผ่นดินที่เต็มไปด้วยรอยร้าวกลับมาเชื่อมเป็นหนึ่งเดียว ดังพระราชกรณียกิจเพื่อแผ่นดินต่อเนื่องมาโดยตลอดจนสิ้นรัชสมัย ภายหลังปราบดาภิเษกเป็นสมเด็จพระบรมราชาที่ ๔ โดยเฉพาะการปราบปรามก๊กต่าง ๆ ที่แตกแยกเป็นฝ่าย เพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นราชอาณาจักร และฟื้นฟูความเสียหายบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ภายหลังจากทำสงครามกับพม่าให้คืนกลับสู่ความเป็นราชธานีที่มีอาณาประชาราษฎร์เปี่ยมไปด้วยความสงบสุข ร่มเย็น
แผนที่แสดงอาณาเขตราชอาณาจักรสยาม ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
และด้วยพระเกียรติประวัติอันทรงคุณค่า กอรปกับการบรรจบครบ ๒๕๐ ปี วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ จึงนำคณะเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานในกองบรรณาธิการ ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ “สำนักข่าวทีนิวส์” ที่เคยซวนเซเพราะผลกระทบจากกระแสความเปลี่ยนแปลงในโลกข่าวสารยุคดิจิตอล และการเลือกจะยืนหยัดในอุดมการณ์ความเป็นสื่อมวลชนที่ไม่พึ่งพาอำนาจทางการเงินทุนสามานย์ เข้ากราบสักการะ “พระเจ้าตากสินมหาราช” ณ จุดที่พระองค์ท่านทรงนำไพร่พล ๕๐๐ ชีวิตต่างที่มา ต่างความคิดมาหล่อหลอมดวงใจให้เป็นหนึ่ง ก่อนเดินหน้าทำศึกครั้งยิ่งใหญ่ในวันประวัติศาสตร์ชาติ
ในโอกาสนี้ “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว บอกเล่าวัตถุประสงค์สำคัญในการเลือกมาทำพิธีบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดพลับ ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ว่า “ เนื่องจากวัดพลับเป็นสถานที่ที่ "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ทรงใช้เป็นที่พักทัพจัดเตรียมกองทัพก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี โดยทำการทุบหม้อข้าวหม้อแกงทิ้ง และก่อน ที่จะทำการยกทัพเรือไป "กอบกู้" กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่า ก็ได้ทรงประกอบพิธีบำรุงขวัญทหาร โดยการสร้าง"พระยอดธง" แจกจ่ายและนำน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมเหล่าทหารหาญ
โดยกระทำพิธีปลุกเสกในอุโบสถ หลังเก่าและภายหลังจากกอบกู้กรุงศรีอยุธยาให้เป็น "เอกราช" คืนจากพม่าได้แล้ว "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช "พร้อมด้วยแม่ทัพนายกอง ได้เสด็จกลับมาบูรณะ วัดพลับ พร้อมทั้งได้นำพระยอดธงที่เหลือจากการแจกจ่ายทหารมาบรรจุในพระเจดีย์กลางทรายถวายเป็นพุทธบูชา”
หอพระไตรกลางน้ำ โครงสร้างเป็นเรือนไม้ทรงไทยขนาดกลาง หลังคาสองชั้นทรงจั่วมีระเบียงรอบหอ ตกแต่งอย่างประณีตทั้งหลัง สร้างอยู่ในสระน้ำ มีเสารองรับหลังคาเป็นของเดิม เขียนลายรดน้ำปิดทอง ได้มีการบูรณะซ่อมแซม เมื่อปีพุทธศักราช 2518 และได้ปรับปรุงบูรณะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
วิหารไม้ ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ตัววิหารตั้งอยู่ทางทิศเหนือหน้าวัด รูปทรงเป็นเรือนไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส มีฐานปูนวางพื้น หลังคาทรงจตุรมุข ตรงส่วนยอดประดับด้วยพระเจดีย์ขนาดเล็ก เครื่องลำยองหรือปั้นลม เป็นไม้แกะสลักสวยงาม
สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานกล่าวว่า ได้นำน้ำบริเวณ พระเจดีย์กลางน้ำ ณ วัดพลับ แห่งนี้ มาใช้ประกอบในการทำน้ำพระพุทธมนต์ เนื่องในงานพิธีมงคลต่าง ๆ ในครั้ง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช ทำการกอบกู้ชาติแผ่นดิน กล่าวคือ ก่อน พระยาวชิรปรากร (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช) จะเข้าตี เมืองจันทบูร (จันทบุรี) นั้น ได้มาทำพิธีทางพระพุทธศาสนา พาเหล่าบรรดาทหารหาญมาประพรมน้ำมนต์ที่ วัดพลับ ก่อนออกสู้รบ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ
ภาพประวัติศาสตร์ความฮึกเหิมในการรบเพื่อรุกรบฟาดฟันกับอริราชศัตรูให้พ้นไปจากอาณาจักนกรุงศรีอยุธยา ณ ลานวัดพลับ จ.จันทบุรี แม้จะผ่านพ้นมานานถึง ๒๕๐ ปีแล้ว แต่หลักฐานต่าง ๆ ยังปรากฏให้เห็นโดยทั่ว โบสถ์วิหารเก่าแก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ ยังคงตั้งตระหง่านเคียงคู่บรมราชานุสาวรีย์ พระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อย้ำความทรงจำให้คนไทยไม่ลืมเลือน ว่าแผ่นดินไทยที่เป็นปึกแผ่นมั่นคงในทุกวันนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากลานวัดแห่งนี้ ที่สำคัญถ้าพระเจ้าตากสินไม่ทรงมีบุญญาธิการแล้ว พระบารมีใด ๆ ก็ไม่อาจทำให้คนไทยเพียง ๕๐๐ คนมีหัวใจอันแข็งแกร่ง สามารถรบพุ่งจนกองทัพพม่าล่าถอยไปจากอาณาจักรไทยได้ไม่ ??
“หากบุญกุศลที่สั่งสมมานั้น เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาชาติบ้านเมืองและมีส่วนให้คนดี ปกครองบ้านเมือง รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระพุทธศาสนาให้เข้มแข็งเป็นศูนย์กลางให้พระอริยะเจ้า บังเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ เพื่อนำพาผู้คนและสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่พระนิพพานตามคำสั่งสอนของบรมครู "สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" แล้ว ขอให้สำนักข่าวทีนิวส์จงแข็งแกร่งและก้าวหน้าด้วยพลังปัญญาแห่งความดีงาม”
ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายบังคมแทบเบื้องพระบาทและให้สัตย์สัญญาว่าจะเป็นส่วนหนึ่ง แห่งข้าแผ่นดินที่จะช่วยกันรักษาบ้านเมืองนี้เอาไว้ด้วยชีวิต .. ” (สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ )
เรียบเรียง : ชัชรินทร์ สำนักข่าวทีนิวส์