ปัญหาความขัดแย้งกับนานาประเทศก่อนส่งมอบตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ให้ "ทรัมป์" นี่คือเกมการเมืองของ "โอบามา" เพื่อการกลับมาของเดโมแครต

 

 

เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน กับการทำหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ ของบารัค โอบามา จะเห็นว่าช่วงนี้ขยันผิดปกติ ทั้งที่ทำงานมา 2 สมัย แทบไม่มีผลงานเป็นชิ้น เป็นก้อน ให้จับต้องได้มากนัก แต่ทว่า ในช่วงเวลาที่เหลือ เดือนสุดท้าย กลับทำงานอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่การทำงานนั้น เหมือนกับจะเป็นการวาง “กับดัก” ให้กับทางด้านผู้นำคนใหม่ อย่าง “นายโดนัลด์ ทรัมป์” จากรีพับลิกัน ซึ่งเป็นคนละฝากกับทางด้าน บารัค โอบามา นั่นเอง

 

 

เห็นได้ชัดตั้งแต่การเซ็นต์กฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ ของทางกระทรวงกลาโหม ประจำปี 2560 จำนวน 618,700 ล้านดอลล่าห์ สหัฐฯ ที่ งบประมาณก้อนนี้ ปรากฏว่า มีการเขียนเปิดทางให้ทางด้าน หน่วยทหารของสหรัฐฯ นั้นสามารถที่จะสนับสนุนกลุ่มกบฏในซีเรียต่อไป หรือแม้แต่การส่งอาวุธหนักบางชนิด ให้กับกลุ่มต่าง ๆ ในซีเรีย ซึ่งส่วนทางกับนโยบายของทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการยุติบทบาทของสหรัฐฯ ในซีเรีย

 

หรือแม้แต่เรื่องของไต้หวัน ที่กฎหมายฉบับนี้ระบุเอาไว้ว่า จะยกความสัมพันธ์ ระหว่างสหรัฐฯ กับ ไต้หวันให้มากขึ้นโดยเฉพาะทางด้านกลาโหม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับ จีน ที่ถือนโยบายจีนเดียว มาโดยตลอด และเป็นการสุมไฟ ให้กับทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ก่อนหน้านี้ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์ กับทางด้านนางไซ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน เป็นการส่วนตัว ซึ่งผิดวิธีปฎิบัติ ทางการทูต อย่างยิ่ง ซึ่งสาเหตุดังกล่าวทำให้ จีน นั้นรู้สึก ไม่พอใจทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์อยู่แล้ว เมื่อเจอกฎหมายงบประมาณด้านกลาโหมฉบับนี้เข้าไปอีก ยิ่งจะทำให้ จีนนั้นไม่พอใจมากยิ่งขึ้น

 

 

เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ การที่ทางด้าน ผู้นำสหรัฐฯ อย่างบารัค โอบามา นั้น หักหลังอิสราเอล ในที่ประชุมสหประชาชาติ ด้วยการไม่รับรองให้อิสราเอล สามารถสร้างที่อยู่อาศัย หรือชุมชนชาวยิวส์ ในเขตทับซ้อนของปาเลสไตน์ ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทำให้ทางด้านอิสราเอล นั้นเองก็ออกมาประณาม สหรัฐฯ ว่าคบไม่ได้ ไม่ทำตามสัญญา ก็ยิ่งทำให้ เป็นการโหมกระพือความขัดแย้งอีกระดับหนึ่ง ให้กับทางด้านสหรัฐฯ กับอิสราเอล

ส่วนเรื่องล่าสุดก็คือการที่ บารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ คว่ำบาตรรัสเซีย ในกรณีที่กล่าวหาว่าแทรกแซง ในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่ผ่านมาโดยการแฮกข้อมูลของพรรคเดโมแครต เป็นเหตุให้ทางด้านนางฮิลลารี คลินตัน นั้นแพ้การเลือกตั้ง ต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการสั่งปิดสถานทูต ถึง 2 แห่ง ขับไล่เจ้าหน้าที่ทูตจำนวน 35 คนพ้นแผ่นดินสหรัฐฯ ภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมกับคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่อีกหลายคน ด้วยการยึดทรัพย์ และ ห้ามทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบริษัทสหรัฐฯ

 

การดำเนินการช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ของบารัค โอบามา ทำให้หลายคนนั้นเห็นตรงกันว่า นี่เป็นเกมการเมืองที่ทางเดโมแครต วางหมากเอาไว้ ให้ทางด้านรีพับลิกัน ที่จะเข้ามาทำงานนั้น ต้องหนักใจ ทำงานยากขึ้นกว่าเดิม อีกหลายเท่าตัว เพราะต้องตามแก้ปัญหา ความขัดแย้งกับนานาประเทศ ดังนั้นก็จะมีเวลาในการทำงาน พัฒนาประเทศ ได้น้อยลง ผลงานก็จะน้อยลงตามไปด้วย เป็นการวางหมากเอาไว้ ในอนาคตว่า หากกลับมาเลือกตั้งใหม่ เดโมแครต ก็จะชิงความได้เปรียบอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา เห็นชัดว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จากรีพับลิกัน ไม่มีผลงาน นั่นเอง