- 15 ม.ค. 2560
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 15 ม.ค. 60 พลโทฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นราษฎรอาวุโสที่ชาวจังหวัดพิจิตรให้ความนับถือได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาบึงสีไฟ ว่า บึงสีไฟเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ ผู้รับผิดชอบควรต้องเป็นองค์กรระดับจังหวัดที่จะสามารถกำกับดูแลหน่วยงานต่างๆในจังหวัดพิจิตรได้ เช่น สนง.เกษตร , สนง.ประมง , สนง.การท่องเที่ยว และอื่นๆ หรือเป็นองค์กระระดับสูงกว่า รวมถึงควรนำบึงสีไฟเข้าโครงการพระราชดำริเป็นสิ่งที่ประเสริฐสูงสุด เป็นความสง่างาม เป็นศักดิ์ศรี ของชาวพิจิตร ที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน แม้ว่าข้าราชการจะโยกย้ายไปตามวาระ แต่โครงการพระราชดำริยังอยู่ อดีตที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 พัฒนาแหล่งน้ำ แล้ว 2,955 โครงการ เป็นประโยชน์ต่อราษฎรอย่างแท้จริง จึงอยากให้บึงสีไฟเป็นศูนย์กลางการศึกษาเรียนรู้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อสืบทอดแนวทางตามพระองค์ท่าน
โดยเรื่องดังกล่าวชาวพิจิตรได้ขับเคลื่อนมาในยุคอดีตผ่านถึง 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งในช่วงที่ นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นั้น ได้มีการประชุมคณะกรรมการบึงสีไฟ จนได้ข้อยุติว่าจะมีการพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นแนวทางตามโครงการพระราชดำริ จากนั้นผู้แทนของ สำนักงานคณะกรรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กปร.) ก็ได้มาร่วมประชุมและสรุปผลการประชุมออกมาว่า..ให้จังหวัดพิจิตรได้รวบรวมแผนงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับบึงสีไฟ ส่งไปยัง กปร. เพื่อพิจารณาโครงการ จากนั้นจนมาถึง ยุคของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ก็ได้ประชุมคณะกรรมการบึงสีไฟผลการประชุมก็ออกมาในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ..จะพัฒนาบึงสีไฟโดยจะเสนอไปยัง กปร. เพื่อเป็นโครงการพระราชดำริต่อไปแต่ปรากฏว่า ขณะนี้ข่าวที่ปรากฏออกมาไม่มีโครงการตามแนวพระราชดำริอย่างที่ราษฎรชาวพิจิตรต้องการ จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลทบทวนด้วย
ในส่วนของความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนชาวจังหวัดพิจิตร ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชน และผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆก็ออกมาเรียกร้อง ว่า บึงสีไฟ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำใหญ่อันดับ 3 ของประเทศและเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ อยากขอให้มีการขุดลอกให้บึงสีไฟเป็นแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมและเป็นแหล่งน้ำแก้ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรตามโครงการพระราชดำริที่เคยมีราษฎรเกือบ 3 พันคน ลงชื่อถวายฎีกาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
แต่ล่าสุด นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้เสนอโครงการขุดลอกบึงสีไฟใช้งบประมาณ 320 ล้านบาท รวมถึงเสนอโครงการสร้าง "อควาเรียม" หรือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใช้งบประมาณ 517 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 837 ล้านบาท แต่ไม่มีโครงการตามแนวพระราชดำริ อย่างที่เคยทำประชาคมกันเอาไว้ อีกทั้งก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ นายวีระศักดิ์ มารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ในช่วงเดือนตุลาคม 2559 ก็ออกชี้แจงนโยบาย แสดงจุดยืนพูดชัดเจนว่าจะทำบึงสีไฟให้สวยสดงดงาม ซึ่งก็ทำได้จริงในส่วนของพื้นที่การท่องเที่ยวบริเวณศาลากลางน้ำ และบอกกับชาวพิจิตร ว่า จะเน้นพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เอาแล้วเรื่องสิ่งปลูกสร้างต่างๆ แต่สุดท้ายก็มีโครงการก่อสร้าง "อควาเรียม" หรือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใช้งบประมาณ 517 ล้านบาท ไปเสนอขอจากสำนักงบประมาณและจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 17 มกราคม 2560
ซึ่งเรื่องดังกล่าว ประชาชนต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากมีบทเรียนที่เจ็บช้ำ คือ การพัฒนาบึงสีไฟที่ผ่านมามีการใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท ทำการก่อสร้างอุทยานบัวมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท หอชมนกมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท รวมถึงศูนย์ข้อมูลและท่องเที่ยวที่ลงทุนก่อสร้างและจัดสวนหย่อมไปกว่า 30 ล้านบาท แต่ทุกวันนี้กลายเป็นสุสานไร้การพัฒนาและการดูแล จึงอยากให้ทำของเก่าให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะเอาของใหม่มาเป็นภาระ เพราะเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยและไม่คุ้มค้ากับเงินภาษีที่จะมาลงทุนอีกด้วย
เรียบเรียง : พัทธนันท์ ทีมข่าวภูมิภาคทีนิวส์