- 17 ม.ค. 2560
นาวิกโยธินสหรัฐฯ เดินทางถึงนอร์เวย์แล้วในวันจันทร์ที่ผ่านมา สำหรับการเข้าประจำการ 6 เดือน ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว นาวิกโยธินสหรัฐฯ เดินทางถึงนอร์เวย์แล้วในวันจันทร์ที่ผ่านมา สำหรับการเข้าประจำการ 6 เดือน ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองทหารต่างชาติได้รับอนุญาตประจำการในประเทศแห่งนี้ ขณะที่บรรดาชาติเพื่อนบ้านแถบอาร์คติก อ้างว่าถูกรัสเซีย นั้นคุกคาม โดยปฎิบัติการดังกล่าวนั้น ต่อเนื่องจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะส่งทหาร จำนวน 3,500 นาย รวมถึงรถถัง และยุทโธปกรณ์ อีกจำนวนมาก ไปยังโปแลนด์ เมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา
เหล่านาวิกโยธินจากค่ายเลอจูนส์ ในนอร์ทแคโรโลนา ของสหรัฐฯ เดินทางถึงนอร์เวย์ ณ ท่าอากาศยานแวร์เนส ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ใกล้ทรอนด์ไฮม์ ของนอร์เวย์ ท่ามกลางอุณหภูมิดำดิ่ง -2 องศาเซลเซียส
กองทหารของสหรัฐฯจะอยู่ในนอร์เวย์เป็นเวลา 1 ปี ในรูปแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลัง 6 เดือน โดยจะประจำการอยู่ที่ฐานทัพแวร์เนส ห่างจากชายแดนรัสเซีย ราว 1,500 กิโลเมตร ขณะที่โฆษกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของนอร์เวย์ บอกว่าทหารอเมริกาจะเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับสงครามฤดูหนาว โดยช่วง 4 สัปดาห์แรก พวกเขาจะได้ฝึกฝนบนพื้นฐานของฤดูหนาว เรียนรู้วิธีใช้สกีและเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมแบบอาร์คติกมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัสเซียหรือสถานการณ์ปัจจุบัน
จากนั้นในเดือนมีนาคม นาวิกโยธินเหล่านี้จะเข้าร่วมซ้อมรบ ซึ่งจะมีทหารจากกองทัพอังกฤษเข้าร่วมด้วย
ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นขณะนี้ทางด้านรัสเซีย กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด และมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทางด้าน สหรัฐฯ ได้ทำการส่งทหารชุดแรกของทั้งหมด 3,500 นาย พร้อมด้วยรถถังและยานยนต์อื่นๆ ข้ามแดนจากเยอรมนี เข้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของโปแลนด์ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเมืองซาแกน ซึ่งจะเป็นฐานประจำการ การมาถึงของทหารสหรัฐฯ ชุดแรก จะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ ที่จะถึงนี้ โดยจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมของโปแลนด์เข้าร่วมด้วย
นับเป็นหนึ่งในการเคลื่อนย้ายกำลังพลครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ ในยุโรป นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และเป็นไปตามคำสั่งเมื่อปี พ.ศ. 2557 ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ที่กำลังจะพ้นวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่บรรดาประเทศพันธมิตรในยุโรปตะวันออก ที่เกิดความวิตกอย่างหนัก เมื่อรัสเซียผนวกดินแดนแคว้นไครเมียจากยูเครนในปี 2557 และเริ่มให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏแยกดินแดนภาคตะวันออกของยูเครน
ปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในครั้งนี้ สร้างความโกรธเคืองแก่รัสเซียในทันทีทันใด โดยระบุว่า เป็นภัยคุกคามที่หน้าประตูบ้านของตน นายดมิตรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ปฏิบัติการนี้เป็นภัยต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของรัสเซีย ขณะที่นายอเล็กซี เมชคอฟ รมช.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายกำลังพลของสหรัฐ เป็นปัจจัยบ่อนทำลายความมั่นคงในยุโรป
อุปกรณ์หนักที่กองทัพสหรัฐจะส่งตามมาในชุดหลัง รวมถึงรถถังอบรามส์ 87 คัน และยานบรรทุกทหารกว่า 500 คัน รวมถึงรถฮัมวี่
ขณะที่ทางฝากฝั่งรัสเซียเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ทางด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียออกแถลงการณ์ เรื่องการเตรียมนำระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ เอส-400 มาติดตั้งบริเวณ รอบนอกกรุงมอสโก และการเสริมกำลังพลกองทัพอากาศตามภูมิภาคที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์รอบเมืองหลวงอีกด้วย โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองทัพสหรัฐฯ เคลื่อนกำลังทหารมากกว่า 3,500 นาย พร้อมยานยนต์หุ้มเกราะและยุทโธปกรณ์อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึง อุปกรณ์หนักที่กองทัพสหรัฐจะส่งตามมาในชุดหลัง รวมถึงรถถังอบรามส์ 87 คัน และยานบรรทุกทหารกว่า 500 คัน รวมถึงรถฮัมวี่ เข้ามาประจำการในโปแลนด์ ตามแผนยุทธศาสตร์ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) เพื่อเตรียมรับมือ ภัยคุกคาม จากรัสเซีย
ทั้งนี้ ระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเอส-400 ถือเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศทันสมัยที่สุดของกองทัพรัสเซีย เป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเอส-300 และมีพิสัยยิงไกลสูงสุด 400 กิโลเมตร เข้าประจำการในกองทัพรัสเซียตั้งแต่ปี 2550 โดยมีชื่อเรียกภายในกองทัพรัสเซียว่าไทรอัมพ์ และนาโตเรียกว่าโกรว์เลอร์
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์