"ให้กำลังใจอัยการ สู้สุดชีวิต!...จัดหนักไอ้ต้อม!! รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต แม้ตวัดลิ้นสารภาพลดโทษ"

วันนี้ 17 มกราคม 2560 ทางอัยการได้ทำการแถลงสำนวนคดีฆ่าชิงทรัพย์กรณีนายกิตติกร วิกาหะ หรือตั้ม และนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี หรือ เอ็กซ์ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงโทรศัพท์ไอโฟนของนายวศิน เหลืองแจ่ม บัณฑิตมหาวิทย

สืบเนื่องจากวันที่ 12 มกราคม 2560 ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ถนนรัชดา พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ รอง ผบก.น.2 และพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม นำสำนวนคดีที่ นายกิตติกร หรือต้อม วิกาหะ อายุ 26 ปี และนายสุพัฒชัย หรือเอ็กซ์ จันทร์ศรี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าชิงทรัพย์ นายวศิน เหลืองแจ่ม อายุ 26 ปี บัณฑิต มศว.จนเสียชีวิตบริเวณหน้าปากซอยซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นผู้รับมอบสำนวน 
นายเจษฎา เปิดเผยว่า ทางคดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสุดท้าย ระบุว่า " ถ้าการชิงทรัพย์ตามวรรคแรกหรือวรรคสอง เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต" ก็ประหารชีวิตอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการแจ้งข้อหาพกพาอาวุธมีด และฆ่าเพื่อปกปิดการกระทำความผิด เพราะฉะนั้นโทษในคดีนี้ก็คือประหารชีวิตสถานเดียว ส่วนความกังวลที่จำเลยจะให้การยอมรับสารภาพในชั้นศาล เพื่อเป็นเหตุให้บรรเทาโทษนั้นก็มีความเป็นไปได้ เพราะว่าถ้ารับสารภาพกับศาลก็มีเหตุให้บรรเทาโทษได้ ยกเว้นว่าจะสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ซึ่งในคดีนี้กำลังดูอยู่ว่าผู้ต้องหารับสารภาพ เพราะจำนนต่อหลักฐานหรือไม่ จากข้อมูลที่ได้มาทางพนักงานสอบสวนพบลักษณะเป็นการจำนนต่อหลักฐาน ตนก็จะเอาข้อมูลในส่วนนี้บรรยายส่งฟ้องเข้าไปเพื่อให้ศาลเห็นด้วย คิดว่าคงจะส่งฟ้องได้ไม่เกินวันที่ 18 ม.ค.นี้ หลังจากนั้นก็อยู่ที่ทางศาลว่าจะนัดสืบพยานเมื่อไหร่และจำเลยจะให้รับการสารภาพหรือปฏิเสธ ส่วนสำนวนนั้นมีความสมบูรณ์ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งจะต้องมาดูในรายละเอียดนิดหน่อยโดยพยายามจะพิจารณาให้เร็วที่สุด เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และในคดีนี้ผมจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องโดยเฉพาะ

"ให้กำลังใจอัยการ สู้สุดชีวิต!...จัดหนักไอ้ต้อม!! รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต แม้ตวัดลิ้นสารภาพลดโทษ"
โดย นายกิตติกร ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ใช้มีดแทงผู้ต้องหาจริง เนื่องจากเห็นผู้ตายเดินกดโทรศัพท์มือถือ จึงเข้าไปตีสนิทแกล้งถามทาง เมื่อผู้ตายหันมาคุยด้วย จึงพยายามชิงทรัพย์ แต่ผู้ตายขัดขืน จึงใช้อาวุธมีดแทง อีกทั้งไม่ได้ตั้งใจจะปาดคอ แค่ง้างมีดแทงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาตาย ถ้าเขาไม่ขัดขืนหรืออยู่เฉยๆคงไม่ตาย ปกติมีอาชีพขายผลไม้ อยู่บริเวณวัดกู้ ช่วงนี้เงินไม่พอ ยิ่งขายก็ยิ่งเป็นหนี้ เลยร่วมกับพวกใช้มีดปอกผลไม้ก่อเหตุดังกล่าว
สำหรับพฤติการณ์ของนายกิตติกรและเพื่อนนั้นพบว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ขี่รถ จักรยานยนยามาฮ่า แสลด พยายามชิงทรัพย์กระเป๋าสะพายผู้หญิง แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไป เหตุเกิดที่ ซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 พื้นที่ สน.โครกคราม จากนั้นได้ขี่รถมาพบเจอผู้ตายก่อนจะฆ่าชิงโทรศัพท์ไอโฟนไป เหตุเกิดซอยเดียวกัน ยังไม่หนำใจยังขี่รถไปชิงทรัพย์ โทรศัพท์ ไอโฟน 5 จากหญิงสาว ที่ซอยสุคนธสวัสดิ์ 9 พื้นที่ สน.โชคชัย ต่อเนื่องอีก ก็เข้าชิงทรัพย์กระเป๋าถือจากหญิงสาวอีกราย ได้เงินไป 5,000 บาท โดยไม่รู้สึกอะไรเลยว่าตนเองเพิ่งก่อเหตุโหดฆ่าคนตายมาก่อนหน้านั้น

"ให้กำลังใจอัยการ สู้สุดชีวิต!...จัดหนักไอ้ต้อม!! รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต แม้ตวัดลิ้นสารภาพลดโทษ"
ด้านนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี อายุ 25 ปี คนขี่จักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ รายงานเบื้องต้นระบุว่า หลังก่อเหตุในคืนวันที่ 4 ม.ค. นายสุพัฒชัยหลบหนีไปอยู่บ้านเพื่อน ที่อ.บางกระสอ จ.นนทบุรีนายสุพัฒชัย ให้การว่า “พอมันควักมีด ผมเดินไปห้ามมัน”

กระทั่งวันนี้(17 มกราคม 2560)ทางอัยการได้ทำการแถลงสำนวนคดีฆ่าชิงทรัพย์ กรณีนายกิตติกร วิกาหะ หรือตั้ม และนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี หรือ เอ็กซ์ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงโทรศัพท์ไอโฟนของนายวศิน เหลืองแจ่ม บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ที่บริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 เขตลาดพร้าว กทม. จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดี โดยในวันนี้(17 มกราคม)อัยการได้มีคำสั่งให้ฟ้อง นายตั้ม จำเลยที่1 และนายเอ็กซ์ จำเลยที่2 ซึ่งร่วมกันประทุษร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งคาดว่าในวันนี้สามารถนำสำนวนไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาได้เลย ทั้งนี้อัยการได้ระบุในสำนวนสั่งฟ้องด้วยว่า
 “คัดค้านการประกันตัว เพราะมีโทษสูง เกรงจำเลยจะหลบหนี เป็นการกระทำที่อุกอาจ สะเทือนขวัญ พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ขอให้ศาลลงโทษจำเลยในสถานหนัก เพราะเป็นภัยต่อสังคม และที่จำเลยยอมรับสารภาพนั้นเป็นเพราะจำนนด้วยหลักฐาน”
ด้านความสมบูณ์ของสำนวนนายเจษฎา กล่าวว่า "จากที่พนักงานสอบสวนสรุปให้ฟัง พยานหลักฐานมีความสมบูรณ์ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากอัยการเพิ่งรับเอกสาร ซึ่งจะพยายามพิจารณาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ แต่ก็ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะจะตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณา คาดว่าจะยื่นฟ้องได้ไม่เกินวันที่ 17-18 ม.ค.นี้"

"ให้กำลังใจอัยการ สู้สุดชีวิต!...จัดหนักไอ้ต้อม!! รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต แม้ตวัดลิ้นสารภาพลดโทษ"

"ให้กำลังใจอัยการ สู้สุดชีวิต!...จัดหนักไอ้ต้อม!! รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต แม้ตวัดลิ้นสารภาพลดโทษ"

จากการสำรวจผลโพลของ"นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "โทษประหารชีวิต" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9 - 11 ม.ค.60 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ รวมทั้งสิ้น1,250 หน่วยตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อโทษประหารชีวิตว่าควรมีต่อไปหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 87.12 ระบุว่า  ควรมีโทษประหารชีวิตต่อไป ขณะที่ ร้อยละ 8.00 ระบุว่า ไม่ควรมีโทษประหารชีวิตต่อไป โดยในส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อการนำโทษประหารชีวิตมาใช้โดยไม่มีการลดโทษ ในคดีร้ายแรง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 86.32 ระบุว่า ควรมีการนำโทษประหารชีวิตมาใช้โดยไม่มีการลดโทษในคดีร้ายแรง ขณะที่ ร้อยละ 11.20 ระบุว่า ไม่ควร เพราะ ควรให้โอกาสสำหรับผู้ที่กระทำผิด บางคนอาจจะทำเพราะเหตุบันดาลโทสะ หรือไม่ได้เจตนา
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการเพิ่มโทษผู้ที่กระทำผิดซ้ำในคดีร้ายแรง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 92.40 ระบุว่า  ควรมีการเพิ่มโทษผู้ที่กระทำผิดซ้ำในคดีร้ายแรง ขณะที่ ร้อยละ 4.56 ระบุว่า ไม่ควร เพราะ มีบทลงโทษสูงสุดที่เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว

"ให้กำลังใจอัยการ สู้สุดชีวิต!...จัดหนักไอ้ต้อม!! รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต แม้ตวัดลิ้นสารภาพลดโทษ"

แต่ที่สุดแล้วต่อให้เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิตผู้ใดแล้ว ศาลที่เป็นเจ้าของคดีจะได้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด ส่งไปยังผู้บัญชาการเรือนจำในท้องที่ที่ศาลนั้นตั้งอยู่ หมายจะระบุถึงชื่อโจทก์ จำเลย ฐานความผิด จำเลยต้องโทษตามบทกฎหมายใด มาตราใด พร้อมคำสั่งว่าภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ให้ประหารชีวิตจำเลย เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับหมายดังกล่าวแล้ว จะนำนักโทษไปประหารชีวิตในทันทีไม่ได้ ต้องรอให้ครบกำหนด 60 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาตามมาตรา 262 ถ้านักโทษหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องได้ยี่นฎีกาขอ พระราชทานอภัยโทษ และทรงยกเรื่องราวมาก่อนครบ 60 วัน ก็ดำเนินการประหารชีวิตได้
ในทางปฏิบัติ เมื่อนักโทษได้ยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ต้องรอฟังพระบรมราชวินิจฉัยเสียก่อน จึงจะดำเนินการขั้นต่อไป ฎีกาของนักโทษประหารให้ยื่นได้ครั้งเดียวเท่านั้น ในการประหารชีวิตนักโทษนั้น ให้มีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการ ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจำในท้อง ที่ที่ทำการประหาร เป็นประธานกรรมการ เจ้าพนักงานเรือนจำระดับหัวหน้าฝ่าย แพทย์การประหารชีวิตส่วนมากจะทำที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีหรือผู้แทนร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย โดยกรมราชทัณฑ์จัดผู้แทนไปดูแลความเรียบร้อยในการประหารชีวิต ก่อนวันประหารชีวิต ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ถูกประหาร พร้อมทั้งรับแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของนักโทษที่มีอยู่ในสำนวนและหมายศาลมาทำการตรวจสอบ การตรวจสอบนั้นให้สอบกับแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือที่เก็บอยู่ ณ กองทะเบียนประวัติอาชญากร ตามเลขคดีและนามผู้ต้องโทษ เมื่อตรวจแล้วรายงานผลการตรวจสอบและส่งแผ่นพิมพ์ลายนิ้วซึ่งได้จัดการพิมพ์ขึ้นคราวนี้ 1 ฉบับ กับแบบพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องโทษที่เอาไปจากสำนวนตามหมายศาลไปยังคณะกรรมการ เรือนจำซึ่งมีหน้าที่ต้องทำการประหารทำการตรวจสอบคดี ตำหนิ รูปพรรณตามทะเบียนรายตัว ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อมิให้มีการประหารผิดตัว

 

 

เรียบเรียงโดย สำนักข่าวทีนิวส์....สินีนุช