แก๊งโกงสอบ "นายสิบ" เจอ "บัญชีดำ" หมดสิทธิ์เป็นตำรวจเด็ดขาด แถมเจอ 3 ข้อหาหนัก (รายละเอียด)

แก๊งโกงสอบ "นายสิบ" เจอ "บัญชีดำ" หมดสิทธิ์เป็นตำรวจเด็ดขาด แถมเจอ 3 ข้อหาหนัก (รายละเอียด)

พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตสอบนายสิบตำรวจ ระบุถึงบทลงโทษผู้กระทำความผิดหลังพบทุจริตในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค  1 และ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ว่า ผู้กระทำความผิดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นมือปืนและผู้สมัครสอบที่มีการทุจริต ต้องถูกดำเนินคดี 3 หาข้อ คือ 1.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน มาตรา 137 มีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ มีความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.ข้อหาอั้งยี่ มาตรา 209 มีโทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท

ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์ไว้หมดแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีกี่ราย ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะไม่สามารถสอบเป็นข้าราชการตำรวจได้อีก เนื่องจากมีประวัติทุจริต ประพฤติไม่ชอบ ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะไม่ยอมให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาเป็นตำรวจโดยเด็ดขาด ส่วนการสอบเป็นข้าราชในสายอาชีพอื่นนอกเหนือจากตำรวจได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้นๆ ว่าจะให้โอกาสหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดขณะนี้อยู่ระหว่างการมอบตัวนัดหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้บังคับบัญชาจะไม่ให้บุคคลทุจริตเข้ามาเป็นตำรวจเด็ดขาด พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบซ้ำอีกว่าพบความบกพร่องของผู้คุมสอบด้วยหรือไม่ ถ้าพบก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง

ด้าน  พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานผลการพิจารณาจากคณะกรรมการฯอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อได้แล้วจะดำเนินการอย่างเป็นทางการทันที โดยจะตัดสินใจตามที่คณะกรรมการเสนอขึ้นมา แล้วจะประกาศตามขั้นตอน

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายจิรพจน์ พลายด้วง เจ้าหน้าที่เทศกิจ ผู้ต้องหาในคดีทุจริตการสอบนายสิบตำรวจ ที่ถูกออกหมายจับ ในข้อหา อั้งยี่ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบราชการ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน

ขณะนักศึกษาที่ถูกออกหมายจับ 51 คน ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.59) จำนวน 29 คน ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวไปทั้งหมดแล้ว และในวันนี้นักศึกษาอีก 22 คนที่ยังไม่รับทราบข้อกล่าวหา ทยอยเดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเช้านี้ประมาณ 2-3 รายแล้ว พร้อมขอประกันตัวทันที ในวงเงิน 1 แสนบาท


 

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย  นาตยา เอนกธนะเศรษฐ์  สำนักข่าวทีนิวส์