เตือนภัยหญิงสาว เหตุใดคนร้ายพวกเดนนรกถึงใช้ยาฆ่าหญ้ามอมเหยื่อ-ข่มขืน

จากกรณีน่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับ น้องปูเป้ นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งในภาคกลาง อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นสาวสวยหน้าตาดี ถูกฆ่าเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา บริเวณบนคันนาในพื้นที่ ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ขณะมาทำพิธีครอบครูที่สำนักทรงในพื้นที่ดังกล่าว

จนกระทั่งในวันที่ 19 ม.ค.ตำรวจ สภ.ทุ่งคอก เข้าจับกุมนายกฤษฎา ใจเอื้อย อายุ 20 ปี ร่างทรงเจ้าพ่อเสือ โดยจับได้ที่สำนักปู่เสือ ที่ต.ทุ่งคอก เบื้องต้นนายกฤษฎา รับสารภาพ โดยให้การว่า รู้จักกับน้องปูเป้ทางเฟซบุ๊ก ก่อนจะนัดเจอกันเพื่อทำพิธีครอบครู โดยฝ่ายหญิงมาพร้อมบ่นว่าปวดท้องเลยยื้อเวลาให้ทำพิธีเสร็จเสียก่อน จากนั้นขอฝ่ายหญิงมีเพศสัมพันธ์ แต่น้องปูเป้ไม่ยินยอม ตนจึงออกอุบายว่าจะหายาแก้ปวดท้องให้กิน แต่กลับเอายาฆ่าหญ้าผสมน้ำเปล่าให้ดื่ม จนน้องปูเป้มีอาการมึนเมา อาเจียน อ่อนเพลีย หมดแรงต่อสู้ ตนจึงลงมือข่มขืนหน้าแท่นพิธีครอบครู จากนั้นสักพักน้องปูเป้นอนชัก น้ำลายฟูมปากและเสียชีวิต ตนจึงนำศพน้องปูเป้ขึ้นใส่รถเข็นสาลี่ลากแล้วเอาไปทิ้งไว้บนคันนา เอาถุงปุ๋ยคลุมและวางก้อนอิฐทับไว้

 

 

ซึ่งหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงใช่ยาฆ่าหญ้ามาเป็นอุปกรณ์ในการมอมหญิงสาว ทีมข่าว Tnwes จึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับยาฆ่าแมลง และได้ใจความว่า  ยากำจัดวัชพืช, สารกำจัดวัชพืช, หรือ ยาฆ่าหญ้า เป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ฆ่าพืชที่ไม่ต้องการ ยากำจัดวัชพืชใช้ในการจัดการพื้นที่รกร้างหรือควบคุมวัชพืชในการเกษตร ยากำจัดวัชพืชมีการใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ยาฆ่าหญ้ามีทั้งชนิดเลือกทำลายและไม่เลือกทำลาย ชนิดเลือกทำลายมีฤทธิฆ่าพืชเฉพาะชนิด เช่น 2,4-D ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าทำลายเฉพาะพืชใบกว้าง โดยอาศัยส่วนประกอบทางเคมีที่เป็นฮอร์โมนพืชสังเคราะห์ ซึ่งเมื่อถูกดูดซึมจะไปรบกวนเฉพาะกระบวนการเติบโตของพืชใบกว้าง ชนิดไม่เลือกทำลายมีฤทธิฆ่าพืชทุกชนิด เช่น ไกลโฟเสต และ พาราคว็อท
 

 

 

สารเคมีที่ใช้ปราบศัตรูพืชมีหลายประเภท ได้แก่
1. ยาฆ่าแมลง
2. ยาปราบศัตรูพืช
3. ยาเบื่อหนู
4. ยาฆ่าเชื้อรา
5. อาจรวมไปถึงยาทาไล่ยุงด้วยก็ได้

โดยทุกตัวจะออกฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส (cholinesterase) ของร่างกายไม่ให้ทำงาน ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ปวดท้อง ท้องเดิน น้ำลายฟูมปาก กล้ามเนื้อกระตุก ชัก หายใจลำบาก ตัวเขียว ชักหมดสติและตายได้

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล : วิกิพีเดีย, หมอชาวบ้าน
เรียบเรียง : W Wannisa T-News