ไม่ยอมจบ!! สาวใหญ่บุก"ดีเอสไอ" ร้องสอบ"เจ้าอาวาสวัดดัง" หลอกมีเพศสัมพันธ์

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้ ( 23 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.โสมณุดา สัมมานุช  อายุ 34 ปี  เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ  ให้ตรวจสอบพฤติกรรม พระโพธิญาณมุนี หรือพระเมือง พลวัฑโฒ เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมได้มอบคลิปวีดีโอ ซึ่งอ้างว่าเป็นคลิปวีดีโอที่มีภาพพระเมืองทำการล่อลวงมีเพศสัมพันธ์  ว่าคลิปดังกล่าว มีการตัดต่อหรือไม่ และให้พิสูจน์ว่าบุคคลในคลิปวีดีโอเป็นใคร และสถานที่ใช่กุฎิวัดหรือไม่ และขอเรื่องความปลอดภัยของตนและครอบครัวด้วย เนื่องจากถูกข่มขู่ หลังออกมาเปิดเผยการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระตั้งแต่ปี 2554

 

ไม่ยอมจบ!! สาวใหญ่บุก"ดีเอสไอ" ร้องสอบ"เจ้าอาวาสวัดดัง" หลอกมีเพศสัมพันธ์

 
น.ส.โสมณุดา  กล่าวว่า พระเมืองได้ขาดจากความเป็นพระหรือปาราชิกเรียบร้อยแล้ว  หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง แต่พระเมืองยังห่มผ้าเหลือและครองสมณเพศเป็นพระอยู่  รวมถึงยังรับบริจาคเงินและสิ่งของต่างๆ จะเข้าข่ายจะหลอกลวงประชาชนหรือไม่  นอกจากนี้ ตนยังถูกข่มขู่จากคณะศิษย์ของทางวัด และใช้กระบวนการยุติธรรมปิดปากตน เพราะหลังจากที่ตนออกมาเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เมื่อปี 2557 ทางวัดได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับตนในข้อหากรรโชกทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  ทั้งนี้ ขอเรียนว่ามีผู้หญิงถูกกระทำในลักษณะเดียวกันอีก 2-3 คน แต่เขายังไม่กล้าให้ข้อมูลต่อสาธารณะชน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

น.ส.โสมณุดา กล่าวต่อว่า สำหรับคดีกรรโชกทรัพย์ที่ตนถูกแจ้งความนั้น  ทางวัดได้ไปแจ้งความโดยอ้างว่าตนเขียนจดหมายไปขู่เอาเงินจากพระ 30 ล้านบาท แต่เมื่อคดีถึงชั้นศาล  ทางวัดกลับอ้างว่าได้เผาจดหมายฉบับนั้นไปแล้ว  ส่วนในวันที่ตนถูกจับนั้น  มีแม่ชีซึ่งเป็นตัวแทนของวัด โทรศัพท์มาบอกให้ตนซื้อแจ่วฮ้อนเข้าไปให้ภายในวัด ซึ่งปกติตนก็จะซื้อไปให้อยู่เป็นประจำ และไม่คิดว่าจะเป็นการเตรียมดำเนินคดีอะไรกับตน  ตนจึงซื้อไปให้ แต่เมื่อไปถึงวัดก็มีผู้ชายประมาณ 6 คน เข้ามาล้อมจับพาไปสอบสวนที่โรงพัก ไม่ให้พบญาติ ไม่มีทนาย และบังคับให้ตนเซ็นต์เอกสารเปล่า ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นการเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาฐานกรรโชกทรัพย์ และข้อตั้งข้อสังเกตว่าหากตนกรรโชกทรัพย์พระเป็นเงิน 30 ล้านบาทจริง คงไม่เรียกเงินล่วงหน้าแค่ 30,000 บาท

 

ไม่ยอมจบ!! สาวใหญ่บุก"ดีเอสไอ" ร้องสอบ"เจ้าอาวาสวัดดัง" หลอกมีเพศสัมพันธ์


" ในวันนั้นดิฉันได้รับแค่ค่าแจ่วฮ้อน 1,000 บาท ส่วนเงิน 30,000 บาท ที่ทางวัดอ้างว่าเราจะเข้าไปรับก่อนเงิน 30 ล้านบาท ทราบทีหลังว่าอยู่ในซองสีน้ำตาล โดยคนถือซองคือคนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ  ส่วนคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เขาอ้างว่าเมื่อเราไม่ได้เงิน 30 ล้านบาท ก็เอาภาพมาเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งทั้งหมดเป็นการกล่าวหา ทั้งที่ตนไม่เคยกรรโชกทรัพย์ใครแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ในชั้นอุทรณ์" น.ส.โสมณุดา กล่าว และว่า  หลังถูกฟ้องแล้ว ดิฉันได้รับสิ่งของที่ตำรวจยึดไว้คืน แต่การ์ดที่อยู่กล้องปากกาถูกสลับไป โดยข้อมูลในการ์ดกลายเป็นข้อมูลส่วนตัวของตำรวจเจ้าของสำนวน ไม่ใช่การ์ดที่ตนบันทึกหลักฐานเก็บไว้

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้น  คือเมื่อปี 2551-2552 ตนไปบวชชีพราหมณ์ที่วัด เนื่องจากรู้จักและศรัทธาวัดนี้มาตั้งแต่เด็ก โดยครอบครัวได้พาไปทำบุญที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ  จึงตัดสินใจบวชชีพราหมณ์ที่วัดเป็นเวลา 2 ปี  ก่อนจะออกมาทำงานและใช้ชีวิตตามปกติเมื่อปี 2553 ต่อมาเมื่อปี 2554 ตนได้กลับไปทำงานที่วัดอีกครั้ง และในปีนั้นเอง พระเมืองเริ่มมีการพูดจาหว่านล้อมพยายามให้เข้าไปหาที่กุฎิถึง 3 ครั้ง ด้วยการอ้างว่าเคยเป็นคู่รักกันในอดีตชาติ  ถ้าไม่ไปพบก็จะมีอันตราย และยังอ้างไม่สบายบ้างเพื่อให้นำยาแก้แพ้เข้าไปให้ ซึ่งใน 3 ครั้งนั้น ตนยอมรับว่ามีการถูกเนื้อต้องตัวบ้าง ซึ่งตนก็ตกใจแต่คิดว่าไม่มีอะไร และยังไม่ถึงขั้นอาบัติปาราชิก  ก่อนจะมาถูกล่อลวงมีเพศสัมพันธ์ในครั้งที่ 4 และอีกครั้งคือตอนที่ตนตัดสินใจเข้าไปตามคำชวนเพื่อต้องการถ่ายคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน

 

ไม่ยอมจบ!! สาวใหญ่บุก"ดีเอสไอ" ร้องสอบ"เจ้าอาวาสวัดดัง" หลอกมีเพศสัมพันธ์

"ครั้งที่ 1-3 นั้น ตอนพระมาถูกเนื้อต้องตัวก็รู้สึกตกใจ แต่จะไปเล่าให้เพื่อนหรือใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ ทุกคนต้องเลือกที่จะเชื่อพระ เพราะเราไม่มีหลักฐาน และการที่เราไปพบพระในตอนนนั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองว่า  ทำไมถึงมีความรู้สึกอยากทำตามที่เขาบอก และรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง  พอเขาโทรศัพท์มาบอกให้ไป เราก็มีความรู้สึกว่าอยากไป พอมองย้อนกลับไปก็คิดเหมือนกันว่าทำไมเราต้องทำตามแบบนั้น และขอยืนยันว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน" น.ส.โสมณุดา กล่าว


ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งต้องพิจารณาคำร้องอย่างละเอียดว่าเข้าข่ายกระทำผิดหรือไม่ โดยต้องแยกดำเนินการระหว่างทางสงฆ์กับคดีทั่วไป หากมีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับทางสงฆ์ก็ต้องแจ้งไปยังมหาเถรสมาคม(มส.) ให้ดำเนินการตามพ.ร.บ.สงฆ์

 

วิทย์ณเมธา  สำนักข่าวทีนิวส์