อาถรรพณ์วังหน้า! สิงโตอาคม! ความจริงในประวัติศาสตร์ กับลำแสงประหลาดจากลำน้ำและเสียงครวญลึกลับ ในคืนเพ็ญ

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

ศาลเจ้าแม่สิงโตทอง

เป็นศาลริมน้ำ หน้าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อีกสถานที่หนึ่งที่มีตำนานความศักดิ์สิทธิ์ จนเลื่องลือ  เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวธรรมศาสตร์

โดยพื้นที่ตรงส่วนที่ตั้งศาลสิงโตนี้  เคยเป็นของวังหน้า เรื่องราวของเจ้าแม่สิงโตทองนี้เริ่มต้นในสมัย

 

“กรมพระราชวังบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพ” วังหน้าในรัชกาลที่ ๓

  อาถรรพณ์วังหน้า! สิงโตอาคม! ความจริงในประวัติศาสตร์ กับลำแสงประหลาดจากลำน้ำและเสียงครวญลึกลับ ในคืนเพ็ญ

(วังหน้าในอดีต)

ด้วยว่าสถานที่บริเวณนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับปากคลองบางกอกน้อย จึงถือว่าเป็นทางสามแพร่ง ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วจะถือว่าเป็นจุดที่จะเกิดการปะทะรับพลังไม่ดีและยังจะทำให้จุดนี้เป็นจุดที่มีพลังร้ายรุนแรงอีกด้วย เนื่องจากเป็นทิศทางที่รับพลังอันพุ่งตรงออกมาจากคลองบางกอกน้อยและมาจากทิศตะวันตก ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นประสบกับเรื่องราววุ่นวาย มีแต่ปัญหา จะต้องแก้เคล็ดด้วยการนำเอา “กั้นหยั่น” หรือ “สิงห์คาบดาบ” ไปติดแก้การปะทะของพลังร้ายไว้ที่ริมแม่น้ำตรงทางสามแพร่งนั้น แล้วจะต้องหันหน้าของสิงห์คาบดาบนั้นพุ่งตรงเข้าไปที่ปากคลองบางกอกน้อยเพื่อรับแรงปะทะ

เมื่อได้ทรงทราบความดังกล่าว พระองค์ทรงดำริว่า หากจะนำรูปสิงห์คาบดาบไปติดไว้ตรงบริเวณนั้นเห็นจะเป็นการไม่ควรยิ่ง เพราะปลายดาบที่สิงห์คาบนั้น จะหันต้องพุ่งตรงไปยังทิศใต้ แล้วทิศใต้ถ้านับจากบริเวณนั้นไปก็เป็นทิศที่ตั้งของ “วังหลวง” หรือ “พระบรมมหาราชวัง” ซึ่งการกระทำเฉกเช่นนี้ก็อาจจะเกิดคำครหาไปในทางที่ไม่ดีว่าพุ่งดาบเข้าหาที่อยู่ของพระมหากษัตริย์ก็ย่อมเป็นได้

  อาถรรพณ์วังหน้า! สิงโตอาคม! ความจริงในประวัติศาสตร์ กับลำแสงประหลาดจากลำน้ำและเสียงครวญลึกลับ ในคืนเพ็ญ

(คลองบางกอกน้อย มองจากศาล)

อาถรรพณ์วังหน้า! สิงโตอาคม! ความจริงในประวัติศาสตร์ กับลำแสงประหลาดจากลำน้ำและเสียงครวญลึกลับ ในคืนเพ็ญ

อีกทั้งยังทรงเกรงว่าผู้คนนั้นจะหาว่าพระองค์ทรงงมงายไร้สาระ เนื่องด้วยการแก้ฮวงจุ้ยเช่นนี้ไม่เคยมีปรากฏในประเพณีชนชั้นผู้นำของชาวไทยมาก่อน

พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้นำสิงโตหินแกะสลักจากเมืองจีนจำนวนสามตัวที่ทำการปลุกเสกตามประเพณีจีนมาแล้วนั้น นำไปตั้งไว้ที่บริเวณท่าน้ำซึ่งตรงข้ามกับปากคลองบางกอกน้อยแทน จากจุดนี้มีข้อมูลตำนานที่แตกต่างกันอยู่สองตำนาน คือ

๑. สิงโตทั้งสามตัวนี้ได้ถูกนำมาตั้งไว้ริมตลิ่งตรงบริเวณจุดที่กระแสน้ำจากปากคลองบางกอกน้อยพุ่งมาใส่ แล้วนานไปก็ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนตลิ่งนั้นเกิดพังลงมา สิงโตที่นำมาตั้งแก้ฮวงจุ้ยทั้งสามตัวเลยจมลงไปอยู่ใต้น้ำ

 

ต่อมาจึงได้ทำการกู้เอาสิงโตตัวเล็กขึ้นมาเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือตัวที่ตั้งประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้าแม่สิงโตทองในปัจจุบันนั่นเอง ส่วนอีกสองตัวที่เหลือก็จำต้องปล่อยให้จมอยู่ในน้ำตามเดิมเพราะมิอาจงมขึ้นมาได้

 

๒. สิงโตสองตัวนั้นได้ถูกนำไปตั้งไว้ทั้งในน้ำ และอีกหนึ่งตัวถูกนำมาประดิษฐานไว้บนบกเพื่อเป็นเคล็ดในการต้านพลังของกระแสน้ำ ตามแบบความเชื่อของเรื่องฮวงจุ้ยไว้ตั้งแต่แรก

โดยสิงโตหินตัวที่ตั้งประดิษฐานอยู่ในศาลแห่งนี้ คือสิงโตตัวเล็กเท่านั้น ยังมีสิงโตตัวใหญ่และตัวเล็กอีกอย่างละหนึ่งตัว จมอยู่ใต้น้ำในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเคยมีนักประดาน้ำดำน้ำลงไปดู ก็พบว่ายังมีสิงโตหินอยู่ทั้งสองตัว เพียงแต่มีตะไคร่น้ำเกาะอยู่เต็มไปหมด เมื่อมองดูแบบผิวเผินก็คล้ายขนสิงโตที่พลิ้วไหวอยู่ในน้ำ

 

อาถรรพณ์วังหน้า! สิงโตอาคม! ความจริงในประวัติศาสตร์ กับลำแสงประหลาดจากลำน้ำและเสียงครวญลึกลับ ในคืนเพ็ญ

อาถรรพณ์สิงโตทอง

มีเรื่องเล่าของความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าแม่สิงโตทองอยู่หลายเรื่อง

เรื่องหนึ่งคือ ผู้คนในละแวกนั้นเล่าขานกันว่า ทุกปีจะต้องมีเด็กจมน้ำตายอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นประจำ ว่ากันว่าเจ้าแม่สิงโตต้องการเด็กไปเป็นบริวาร

 

ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนี้ เล่าถึงเหตุการณ์แปลกที่มักจะเกิดขึ้นว่า บางคืนคนที่นี่มักจะได้ยินเสียงคร่ำครวญของสิงโตตัวเมียที่ร้องเรียกหาคู่ของมัน ด้วยความคิดถึงและเศร้าใจในความรักที่ต้องพลัดพรากจากกันไป แต่ถ้าเป็นคืนวันเพ็ญบางคนก็จะเห็นลำแสงคู่สีแดงส่องขึ้นมาจากแม่น้ำที่อยู่บนฝั่ง ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นลำแสงสายตาที่ส่งถึงกันจากสิงโตใต้น้ำถึงสิงโตตัวที่อยู่บนบก

 

 “กรมพระราชวังบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพ” เมื่อมีดำริสร้างสิงโตคาบดาบเพื่อแก้ฮวงจุ้ยนั้น สิงโตคาบดาบก็ย่อมไม่ใช่สิงโตหินเหมือนตุ๊กตาอับเฉา ที่สำเภาจีนไว้ถ่วงเรือแน่นอน

เล่ากันว่า ซินแสจีนผู้นั้น... เป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า และได้ลงอาคมไว้ที่สิงโตที่สร้างขึ้นด้วย นี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สิงโตทอง ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ สำแดงอภินิหารหลายประการ มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

อาถรรพณ์วังหน้า! สิงโตอาคม! ความจริงในประวัติศาสตร์ กับลำแสงประหลาดจากลำน้ำและเสียงครวญลึกลับ ในคืนเพ็ญ

วิธีการขอพรและบนเจ้าแม่สิงโต

ผู้ที่บนบานขอพรกับเจ้าแม่สิงโต มีทั้งประชาชนทั่วไปและนิสิตนักศึกษา

และเนื่องจากอยู่ในเขตของมหาวิทยาลัย การบนบานส่วนมากจึงไม่พ้นเรื่องเรียนและเรื่องความรัก

ซึ่งของที่นิยมนำมาบน ได้แก่ลูกแก้วสีสันต่างๆ พวงมาลัย ดอกไม้ ผลไม้ตามสะดวก และรูปปั้นสิงโตเป็นคู่สำหรับเรื่องความรัก

นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับสำหรับผู้ที่บนเรื่องของการสอบ ซึ่งเชื่อกันว่า ใครอ่านหนังสือไม่ทัน ให้อธิษฐานขอเจ้าแม่แล้วปักธูปไว้ที่หนังสือหน้าใดก็ได้ แล้วหน้านั้นก็จะออกสอบ

ข่าว : ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)