- 27 ม.ค. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มเติม http://deeps.tnews.co.th/
ยิ่งใกล้วันตัดสิน ยิ่งลุ้นกันตัวโก่งสำหรับสาวงามที่จะคว้ามงกุฎบนเวทีนางงามจักรวาล หรือ "Miss Universe 2016" ครั้งที่ 65 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งปีนี้ถือว่า "น้ำตาล ชลิตา" เป็นอีกหนึ่งผู้เข้าประกวดจากประเทศไทยที่เธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามโดดเด่น จะโพลจากหลายสำนักยกให้เธอติด 1 ใน 3
หากย้อนกลับไปก่อนการประกวดบนเวที "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016" สาว น้ำตาล ชลิตา เธอไม่เคยประกวดบนเวทีใด หรือผ่านงานอะไรมาเลย แต่พอเข้ามาประกวดครั้งแรกปุ๊บ มงฯ ก็ลงปั๊บ
สำหรับ น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ สาวงามหน้าคมจาก จ.สมุทรปราการ อายุ 21 ปี เจ้าของส่วนสูง 169 เซนติเมตร เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว มีบิดาชื่อ นายสรนันท์ ส่วนเสน่ห์ อาชีพพนักงานขับรถ ส่วนมารดาชื่อ นางชุติกาญจน์ ส่วนเสน่ห์ อาชีพพนักงานขาย บริษัท คิง เพาเวอร์ มีน้องสาว 1 คน ส่วนด้านการศึกษา น้ำตาล ชลิตา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม จ. สมุทรปราการ ปัจจุบันกำลังศึกษา อยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
"ชีวิตในช่วงเด็กของสาว น้ำตาล ชลิตา ไม่เคยได้เล่นเหมือนเด็กๆ ทั่วไป ไม่เคยได้เที่ยว ต้องช่วยแม่ทำงาน เริ่มตั้งแต่ตอน ป.4 (อายุประมาณ 10 ขวบ) แม่มีชีวิตที่ลำบากมาก จนพอมีพอกิน ชีวิตผกผันคุณแม่โดนเพื่อนโกง ก็ต้องเริ่มต้นหาเลี้ยงครอบครัวใหม่ คุณแม่จะพาไปทุกที่ที่แม่ทำงาน คุณแม่ทำงานมาหลายอาชีพ เป็นกระเป๋ารถเมล์ เป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟ หรือเป็นแม่บ้าน
สาว น้ำตาล ชลิตา เธอเริ่มจากทำงานบ้านให้เจ้านาย "คุณแม่ก็สอนให้หนูทำ บางครั้งคุณแม่ไม่ว่างหนูก็ต้องไปทำแทน รับจ้างทำความสะอาดที่บ้าน คอนโด จนอายุ 13-14 ปี เริ่มโต ก็จะนั่งรถจากบ้าน จ. สมุทรปราการ ไปทำความสะอาดที่โบสถ์แถวทองหล่อ 3 ชั้น วันละ 8 ชม. ทุกวันอาทิตย์ ทำเป็นปี ได้ค่าแรงมาก็จะให้คุณแม่ เป็นชีวิตที่เหนื่อยมาก แต่ต้องอดทน ต้องทำให้ได้หมด เพื่อแบ่งเบาภาระคุณแม่" น้ำตาล ชลิตา กล่าว
นอกจากนี้ น้ำตาล ชลิตา ยังเผยอีกว่า ตนช่วยที่บ้านทำงานหารายได้ตั้งแต่ ป.4 เพราะครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่แรก ซึ่งในตอนนั้นคุณแม่ทำงานเป็นแม่บ้านตนก็ไปช่วยด้วยและไม่รู้สึกอายอะไร และเมื่อว่างจากการเรียนในบางครั้งจะหาทำงานพาร์ทไทม์ เช่น เป็นเด็กเสิร์ฟในสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อช่วยครอบครัวและถือเป็นการฝึกตัวเองด้วย
เธอก้าวเข้าสู้เวทีการประกวดจากการที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนางงามตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีคุณแม่ที่มีดีกรีเป็นนางงามสงกรานต์เป็นแรงบันดาลใจและมักจะนำมงกุฎของคุณแม่มาใส่เล่น ซึ่งคุณแม่เห็นแววในตัวลูกสาวจึงให้การสนับสนุน และถือว่าเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สเป็นเวทีการประกวดนางงามเวทีแรกที่เคยลงประกวดมา
หากย้อนกลับไปครั้งที่เธอถูกเลือกให้รับดำรงตำแหน่ง Miss Universe Thailand สำหรับคำถามที่ทำให้ น้ำตาล ชลิตา ได้รับคะแนนจากคณะกรรมการอย่างท่วมท้นในรอบตัดสิน ซึ่งเป็นคำถามจากเด็กวัย 4-8 ขวบ ถามว่า หากประกวดชนะจะเอาเงินไปทำอะไร โดยน้ำตาล ชลิตา ตอบว่า จะนำเงินแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจะนำไปเป็นทุนการศึกษาของตนเอง อีกส่วนจะให้คุณพ่อคุณแม่ และสุดท้ายจะนำไปทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม
ส่วนคำถามที่ 2 จากกองประกวดถามว่า เหตุผลที่มาประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ โดย น้ำตาล ชลิตา ตอบว่า เพราะเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เป็นเวทีที่ทรงคุณค่า และมีเกียรติของผู้หญิงไทย เชื่อว่าจะพาตนไปสู่มิสยูนิเวิร์สได้ และคำถามสุดท้ายที่ถามว่า "ในสังคมปัจจุบันที่สื่อโซเชียลมีเดียมีบทบาทในชีวิตประจำวัน คุณจะใช้โซเชียลมีเดียอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด" ในเวลา 30 วินาที โดย น้ำตาล ชลิตา ได้ตอบคำถามว่า โซเชียลมีเดียเปรียบเสมือนดาบสองคม เราต้องรู้จักคิด รู้จักใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสังคม ซึ่งก็ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมจากกองเชียร์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ นสพ. ชื่อดังผิน Bandera inquirer ลงข่าวนำเสนออีกมุมของน้ำตาล ชลิตา กับ มุมมองเพื่อเด็กยากจนที่ด้อยโอกาส ให้ได้รับโอกาสเช่นเดียวกับเธอเคยได้รับ กับ แรงบันดาลใจของเธอ อย่างที่เธอบอกบนเวทีว่าถ้าได้เงินรางวัล 1 ล้านบาทจะแบ่งเป็น 3 ส่วน นั่นคือเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาสำหรับตัวเองและน้อง อีกส่วนให้พ่อแม่ สุดท้ายตั้งใจนำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ด้วยก่อนหน้านี้เคยไปสัมผัสชีวิตเด็กๆ ที่ติดเชื้อเอชไอวี "บ้านโฮมฮัก" ที่ยโสธรบ้านเกิด รู้สึกเห็นใจและอยากช่วยเท่าที่จะทำได้ .....Empowerment Celebrating & Getting woman นำเสนออีกแง่มุมให้ IMG และ จักรวาลได้รู้ๆ ลึกถึงในใจเธอ
เรียบเรียง Amity
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Miss Universe Thailand , Miss Universe , กลุ่ม T-Pageant Club FB