นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

เรียกได้ว่าคลอดออกมาเป็นที่เรียบแล้วสำหรับโครงสร้างป.ย.ป. ของแต่ละตณะที่จะมีหัวหน้าคอยกำกับในปฎิรูปประเทศที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน โดยคนที่ดูแลในแต่ละคณะนั้นประกอบไปด้วย โดยหัวหน้าทีม ป.ย.ป. ประกอบด้วย
1.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์
วิษณุ เครืองาม , สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ
พล.อธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร   , พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย

3.คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ
พล.อ.อ ประจิน จั่นตอง

 4.คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

โดยแต่ละคณะนั้นจะมีการแบ่งการทำงานตามโครงสร้างตามความเหมาะสมในการปฎิรูปประเทศโดยประกอบไปด้วย

1.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ มีวาระที่ต้องดำเนินงาน เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) เกษตรแปลงใหญ่ การบริหารจัดการน้ำ สาธารณูปโภค คมนาคมขนส่ง เป็นต้น

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ มีวาระสำคัญคือดำเนินการจัดลำดับ 37 ประเด็นการปฏิรูป

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

3.คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ดำเนินการ 6 ด้านยุทธศาสตร์ โดยมีอนุกรรมการรับผิดชอบ เช่น อนุกรรมการด้านความมั่นคง อนุกรรมการสร้างความสามารถในการแข่งขัน อนุกรรมการสร้างศักยภาพคน เป็นต้น

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

 4.คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง จะประกอบด้วยอนุกรรมการการเมือง อนุกรรมการกฎหมายและมั่นคง อนุกรรมการวิชาการ อนุกรรมการเศรษฐกิจและสังคม อนุกรรมการประชาสังคม อนุกรรมการต่างประเทศ และอนุกรรมการสื่อมวลชน

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
ลุงตู่สู้ไม่ถอย!!!บิ๊กตู่ เมินนักการเมืองไม่ร่วมปรองดอง แม้ใช้ม.88 ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ยันไม่ท้อเจอปัญหางี่เง่า บอกยิ่งด่า ยิ่งชอบ ยิ่งอยู่ยาว?

 

โดยจากกระแสการวางโครงสร้างป.ย.ป.นั้นเรียกได้ว่าทุกคนไปจับจ้องที่คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคอยดูแล ซึ่งคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองเรียกได้ว่าถูกจับตาจากฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพรรคการเมืองกลุ่มต่างๆ ที่มีการเสนอแนะให้ทำแบบนั้นแบบนี้โดยเฉพาะการทำนิรโทษกรรม โดยเมื่อวานที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้เป็น ประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 1/2560 พร้อมมอบนโยบายและซักซ้อมความเข้าใจในการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสามัคคี (ป.ย.ป.)

โดยพล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุมว่า คณะทำงาน 4 คณะซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการสร้างความปรองดอง เป็นโครงสร้างที่ได้คิดขึ้นมาเพื่อบริหารราชการแผ่นดินในระยะที่ 2 คือการปฏิรูปให้เกิดความชัดเจนขึ้น และเตรียมส่งต่อไปในรัฐบาลหน้า ซึ่งจะเหลือแต่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพียงอย่างเดียว โดยอย่างน้อยจะทำให้ 5 ปีแรกของรัฐบาลต่อไป

โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำเอาไว้ว่าผมเป็นประธานคณะกรรมการทั้ง 4 คณะ แต่มอบให้รองนายกฯ ทำหน้าที่ขับเคลื่อน เพราะจะทำคนเดียวคงไม่ไหว โดยจะให้นโยบายเองทั้งหมด ทั้งนี้รองนายกฯ จะทำหน้าที่สั่งงานโดยมีอนุกรรมการอยู่ข้างล่างเพื่อลดแรงกดดัน ไม่เช่นนั้นทุกคนก็กดดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมอยู่อย่างนี้”

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงเรื่องความปรองดองว่า คณะกรรมการปรองดองที่ทุกคนอยากรู้ว่าจะทำงานกันอย่างไร สำคัญที่สุดคือมีคณะกรรมการฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการเมือง และฝ่ายเศรษฐกิจสังคม ซึ่งเขาจะคุยกันอันไหนที่ตรงกันก็เสนอขึ้นมาเพื่อมาคุยต่อ ฝ่ายกฎหมายก็ไปดูเรื่องคดีที่อ้างกันว่าไม่เป็นธรรม ว่ามีคดีอะไรบ้างและสร้างการรับรู้แก่สังคมให้ได้ ส่วนจะทำอย่างไรก็ไปว่ากันอีกที ซึ่งไม่ใช่นิรโทษกรรม ทุกคนต้องไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ก่อนเพราะมีกฎหมายเดิมอยู่แล้ว ต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาล เมื่อศาลตัดสินและรับโทษแล้วพอสมควรมันก็จะเป็นลดโทษ นิรโทษกรรมไปในแนวทางนี้มากกว่า อย่ามามองว่าอยู่ดีๆ ยังไม่เข้ากระบวนการแล้วให้ออกคำสั่งมาตรา 44 นิรโทษกรรม ทำไม่ได้ ต้องถามประชาชนด้วย

นายกฯ ยืนยันว่า เรื่องปรองดองสำคัญที่สุดเพราะจะทำให้ 3 คณะแรกทำงานได้ ไม่อย่างนั้นทางนี้ก็ตีกันอยู่แบบนี้ มีฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการเมือง และฝ่ายเศรษฐกิจ ทุกคนอยากจะพูดหมด นักวิชาการ สื่อก็มี คุณก็ไปอยู่ในนั้นด้วย คุณต้องการอะไร จะเอาอะไรก็ไปคุยในนั้น แล้วหาข้อยุติขึ้นมานำไปสู่การปฏิบัติ
พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า การปรองดองคือต้องปรองดองกับทุกคน ทุกคนต้องอยู่อย่างสงบสันติ และสนับสนุนการเดินหน้าของทุกรัฐบาล ไม่ใช่เอาการเมืองมานำแล้วขัดแย้งกันอย่างนี้ ซึ่งตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าการปรองดองต้องพูดเรื่องคดีอะไรต่างๆ นั้นมันไม่ใช่ เรื่องคดีก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต้องแก้ไปทางนั้น ซึ่งคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายต้องไปหามาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ใครมีคดีต้องกลับมาสู้คดี ถ้าไม่สู้ก็ไปต่อไม่ได้ และยกโทษให้ไม่ได้ ถ้าอยากจะยกโทษให้ ให้ไปรัฐบาลต่อไป ตนเองไม่ทำ

“การปรองดองไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง มันมีหลายกลุ่มวันนี้ขัดแย้งด้วยเรื่องอะไรกัน สื่อเลือกข้างก็ยังมีอยู่ นักการเมืองก็มีหลายกลุ่มหลายฝ่าย นักวิชาการก็พูดใหญ่โตคนละเรื่องสองเรื่อง ซึ่งคณะกรรมการปรองดองก็มีหลายคณะ

โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่ายืนยันว่าเราไม่จำเป็นที่จะไปทำเพื่ออะไร เพียงแต่สร้างความเข้มแข็งในอนาคต เพื่อให้คณะเหล่านี้ส่งต่อไปสู่รัฐบาลหน้าอย่างไร ไม่ได้มองว่าจะมีการดีล มันจะดีลกับใคร ใครจะมาดีลกับผม แล้วดีลเขาเรื่องอะไร ผมยืนยันด้วยคำสัตย์ของผม ผมไม่ได้ดีลกับใครทั้งสิ้น อะไรก็ตามที่พูดกันไปมาในสื่อ ถ้าผมไม่ได้พูดเรื่องนั้นจากปากของผม จะไม่เกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะผมเป็นคนตัดสินใจ เข้าใจหรือยัง มันก็พูดกันไปมาว่าการสร้างความปรองดองขึ้นเพื่อวางอนาคตทางการเมืองของผมหรือของรัฐบาล มันไม่ใช่ของผม วันหน้าจะเกิดอะไรก็เรื่องของวันหน้า ผมไม่ต้องการไปสู่เรื่องการเมืองทั้งสิ้น

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

โดยวันเดียวกันได้มีแถลงการณ์เสนอแนะออกมาจากทางฝั่งพรรคเพื่อไทยโดยในเอกสารแถลงระบุว่าความเห็นกรณีการสร้างความปรองดองถึงนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทางการเมือง พท. สรุปว่า

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

1.ความขัดแย้งทางการเมืองในเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย สาเหตุหลักมาจากพรรคการเมืองชนะการเลือกตั้งท่วมท้น แต่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต่อสู้ทางการเมืองผ่านระบบรัฐสภาไม่ได้ จึงนำไปสู่การเมืองนอกระบบรัฐสภา ใช้มวลชนต่อสู้ขับไล่รัฐบาลจนนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ส่งผลให้ขยายความขัดแย้งเพิ่มเติมมากขึ้น นำไปสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน

2.ใช้กระบวนการทางกฎหมายที่เป็น 2 มาตรฐานขององค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจและทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

3.ขัดขวางการเลือกตั้ง ใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือล้มการเลือกตั้งอย่างไร้เหตุผล

4.ไม่ยอมรับในหลักการประชาธิปไตย มีวาทกรรมชี้ให้สังคมเห็นว่า 1 เสียงของประชาชนที่มีความรู้ต่างกันควรมีไม่เท่ากัน

5.สร้างวาทกรรมให้เกิดความเกลียดชังต่อฝ่ายตรงข้าม

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

สำหรับแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและการสร้างความปรองดอง พท.ระบุว่า
1.ต้องอาศัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหา ทั้งฝ่ายพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองต่างๆ กองทัพ และองค์กรอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม

2.ต้องหาสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนนี้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และสถาบันพระปกเกล้าได้เคยศึกษาไว้อย่างละเอียดและครอบคลุมพอสมควรแล้ว สมควรหยิบยกมาพิจารณาประกอบควบคู่กันไป

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

3.ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้สังคมมีความเป็นธรรม มีหลักนิติธรรม ไม่มีระบบสองมาตรฐานอีกต่อไป

4.คณะกรรมการที่จะเข้ามาดำเนินการเรื่องการปรองดองควรมีความจริงใจและตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา ควรมีองค์ประกอบจากผู้ที่มีความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระ มีคุณธรรม และสังคมให้การยอมรับ.

นี่หรือพรรคที่จะปรองดอง...กล่าวหาใช้ศาลรธน.ล้มเลือกตั้งไร้เหตุผล?? (รายละเอียด)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
ฉีกทุกตำรา!!!บิ๊กตู่ต้องดู-นักการเมืองต้องฟัง!! มาแล้วปรองดองสูตร“ป๋าเปลว”ป่วยการที่จะเชิญแต่ละพรรคซึ่งมากด้วยอัตตามาสามัคคีด้วยการเซ็นสัญญา