"สนธิญาณ" ชี้!! จำคุก "ชายชุดดำ" ตอกย้ำการปรองดองเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน แต่ยังนิรโทษกรรมไม่ได้ เพื่อความจริง 10 เม.ย. 53 ปรากฏ !!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ออกอากาศทางช่อง ไบรท์ทีวี หมายเลข 20 ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ทีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

สนธิญาณ : คิดว่าคุณยุคลได้แจกแจงคดีชายชุดดำที่ถูกตัดสินพิพากษาด้วยศาลอาญา ศาลชั้นต้นไปเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 คน คนละ 10 ปี อีก 3 คนซึ่งร่วมอยู่ในขบวนการ แต่พยานหลักฐานไม่ชัดเจน แน่นอนครับคดีอาญาหลักการคือเมื่อพยานหลักฐานไม่ชัดเจน จะต้องยกประโยชน์ให้กับจำเลย ภายใต้ปรัชญาปล่อยคนผิดไป 100 คน ดีกว่าให้คนบริสุทธิ์เข้าคุก 1 คน ผมหยิบยกมาต่อเนื่องจากคุณยุคลก็เพื่อจะตอกย้ำให้เห็นว่า ความปรองดองหรือการปรองดองที่ คสช. และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังดำเนินการอยู่นั้น แน่นอนครับเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการและสนับสนุนอย่างยิ่ง เพื่อนำพาประเทศเข้าสู่โหมดของการเริ่มต้นกันใหม่ แต่ทำไมเราถึงพูดเรื่องที่ว่า ยังนิรโทษกรรมไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ชาวบ้านผู้ชุมนุมธรรมดา คดีนี้เป็นตัวอย่างอันชัดเจน ถ้านิรโทษกรรมแล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะถูกเลือนหายไปจากสังคมและประวัติศาสตร์ แน่นอนครับด้านหนึ่งสำหรับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงที่ไม่ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ว่าการเตรียมการในการชุมนุมในวันที่ 10 เม.ย. - 19 พ.ค. 2553 เป็นการเตรียมการชุมนุมเพื่อจะให้พี่น้องคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมที่เป็นผู้บริสุทธิ์มาตายกลางพื้นที่สาธารณะ เจตนาพาคนมาตายเอาคนมาฆ่า ก็อาจจะต้องถูกค้นและพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดและผิดมนุษย์ธรรมดาจะทำ คดีนี้ไม่ใช่คดีธรรมดา ไม่ใช่คดีแค่ชายชุดดำพกปืนเข้ามาในที่ชุมนุม แต่ข้อพิสูจน์ผมจะโยงใยเพิ่มเติมจากที่คุณยุคลพูดไปแล้วนั้นคือ 1.นายอริสมันต์ประกาศก่อนการชุมนุมในปี 2553 ที่หน้าหอประชุมกองทัพบก ว่าจะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย

.

.

ยุคล : แก้วสามประการ

.

.

สนธิญาณ : มีแก้วสามประการและกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาช่วยการชุมนุมของประชาชน มีเสียงชัดเจน ที่มีการพูดหน้าหอประชุมกองทัพบก คนเสื้อแดงก็ปรบมือโห่ร้อง ในวันที่ 25 ม.ค. 53 นั่นเป็นประการแรกแสดงว่ามีการรู้มีการเตรียมการเรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ซึ่งต่อมาปรากฏว่าเป็นชายชุดดำ พฤติกรรมในการปฏิบัติการในวันที่ 10 เม.ย. 53 คือนายขวัญชัย ไพรพนา ใช้คำว่าล่อทหารแล้วทหารก็ตามไม่ทันนะครับพูดกันง่ายๆ ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 มาให้ตีเข้ามา ทำเหมือนสมัยพระนเรศวรท่านวางแผนทัพ ไปใช้กองกำลังส่วนหนึ่งหลอกล่อ ทำทีเป็นถอยร่นเข้ามาในพื้นที่สังหาร แล้วเอาทัพใหญ่เข้าตี นี่ผมพูดเรื่องจริงเปรียบเทียบให้เห็นภาพเลยครับ เวลาดูหนังหรืออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ นายขวัญชัย ไพรพนา ก็ไปดันประตูกองทัพภาคที่ 1 ทหารเขาก็ตามเข้าในพื้นที่สังหารมาเพราะฝั่งนี้ไปยั่วเขาแล้ว ณ เวลาใกล้จะ 2 ทุ่ม ตามเวลาที่รถตู้สีขาวเข้ามา ที่คุณยุคลนำเสนอ ทหารก็ตามเข้ามาจึงปรากฏภาพการยิงเอ็ม79 ใส่ทหาร ซึ่งเป็นพลทหารที่ถือกระบอง และนอกเหนือกว่านั้นคือการยิงเข้าไปในเต็นท์บัญชาการทำให้ พล.อ.ร่มเกล้า เสียชีวิต และนายทหารผู้ใหญ่หลายคนบาดเจ็บ ไม่เพียงเท่านั้นที่บอกว่าเป็นการเตรียมการสังหารหมู่ ยังมีคนที่โดนยิงตายจากปืนติดกล้องที่ซุ่มอยู่บนยอดตึก คำถามธรรมดาง่ายๆ ทหารจะไปยิงผู้ชุมนุมเฉยๆที่ยืนโบกธงอยู่ทำไม คนยิงเจตนาที่ต้องการให้มีคนตาย เพื่อจะนำเรื่องนี้ไปกดดันสถานการณ์นำพาไปสู่การล้มรัฐบาลตามเจตนารมณ์ที่ได้ ไม่ได้เลวร้ายเพียงเท่านี้ ถ้าท่านผุ้ชมได้รับทราบหรือรับรู้เหมือนที่ผมทราบ ในเวลาพร้อมๆ กันได้มีการไปวางระเบิดเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 2 ต้นที่จะส่งไฟฟ้าเข้าสู่ จ.กรุงเทพมหานคร เขาไประเบิดทำไมครับเกี่ยวอะไรกับการชุมนุมใน จ.กรุงเทพมหานคร เขาระเบิดเพื่อที่จะให้ จ.กรุงเทพมหานคร ไฟดับในเวลาที่กำลังยิงกัน ถ้าไม่เตรียมแผนเตรียมการรถตู้เข้า เวลานั้นไปยั่วที่กองทัพภาคที่ 1 ลากทหารเข้ามาอยู่ในพื้นที่ เพราะจริงๆ ทหารเขาจะไม่เข้ามาพื้นที่ หากไม่เข้ามาก็จะไม่เกิดการยิงการปะทะ ในวันนั้นถ้าไฟฟ้าดับผมถามว่าจะตายกันเท่านี้ไหมครับ จะมีคนกราดปืนใส่พี่น้องประชาชนผู้มาชุมนุม ใครเป็นรัฐบาล ใครประกาศภาวะฉุกเฉิน ใครเป็นผู้บัญชาการทหารบก แน่นอนครับต้องรับผิดชอบเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะจับมือใครดมไม่ได้ เดชะบุญเป็นบุญกุศลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องรักษาประเทศชาติไว้ 4 ต้นแต่ระเบิดด้าน 2 ลูก 4 ต้นระเบิดหมดแต่ระเบิดไม่ทำงานทำให้เสาไม่ขาด ถ้าเสาขาดแบบนี้ทั้ง 4 เสา  จ.กรุงเทพมหานคร ก็จะไฟดับในวันนั้น นี่ล่ะครับคือการเตรียมการวางแผน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ซึ่งต้องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐ ใครจำคดีนี้ได้ไหมครับ คดียิงวัดพระแก้ว หลักฐานชัดแต่ขึ้นศาลแล้วหลุด เพราะพยานหลักฐานตอนที่ไปสืบกันในศาล รัฐเป็นโจทก์ อัยการเป็นโจทก์ ถ้าพยานที่อัยการจัดมาให้ปากคำอ่อน พยานโจทก์อ่อน  ทนายจำเลยซัดค้าน เปิดช่องให้จำเลย ศาลก็จะบันทึกไปตามข้อเท็จจริงแล้วยกฟ้อง ตำรวจทำสำนวนอ่อนพอมาถึงอัยการศาลก็จะยกฟ้อง สำคัญครับคดีนี้เกิดจากปี 2553 แต่มาจับได้ 2557 ที่เพิ่งจับได้ก็เพราะพล.ต.อ.สมยศร้อนวิชาอยากแสดงฝีมือให้เห็น ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ คสช. ตอนนั้นเขาตั้งก็มีเหตุผล อย่างไร พล.ต.อ. จะต้องได้เป็น ผบ.ตร. เพราะอาวุโสกว่า พล.ต.อ.สมยศ โชว์ผลงานได้จริง ก็ขอชื่นชม มาตามจับหลังจากผ่านไปแล้ว 4 ปี แต่มาจับในยุค คสช. แล้วยุคธรรมดาก่อนหน้านี้ทำไมจับไม่ได้ ใครเป็นรัฐบาล ถ้าจับได้แล้วจะเป็นอย่างไร ก็จะมาเหมือนคดีวัดพระแก้วครับ จะไล่เรียงให้เห็นภาพว่า นี่ล่ะครับคือความหมายที่ว่าปรองดองก็ปรองดองไปเถอะครับ ล่าสุดคุณจตุพรเขามีข้อเสนอที่ดี ไปตามย้อนดูครับ ผมว่าการปรองดองต้องช่วยกัน แต่ความจริงเรื่องเหล่านี้จะต้องเดินต่อไป ยังนิรโทษกรรมไม่ได้ ส่วนของการใช้อาวุธการวางแผนอำมหิต จะฆ่ากันกลางเมืองแบบนี้ ความจริงจะต้องปรากฏว่าใครเป็นใคร ใครเป็นคนที่กำหนดแผนทั้งหมด ก็ไปดูเรื่องพวงหรีดดูครับว่าจะใช่ไม่ใช่ ตามที่คุณยุคลนำเสนอไปครับ