เริ่มแล้ว!! ไต่สวนคดี "ครูจอมทรัพย์"เจ้าตัวถือฤกษ์ไหว้พระธาตุพนมก่อนขึ้นศาล ฝ่ายผู้ร้องเน้นนำสืบหลักฐานวิทยาศาสตร์ ชี้ชัดรถครูไม่เคยเฉี่ยวชน

ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th

วันนี้  ( 8 ก.พ.)  ที่ศาลจังหวัดนครพนม  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหน้าศาลคึกคักตั้งแต่เช้า โดยมีกองทัพสื่อมวลชนต่างทะยอยเข้ามารวมตัว เพื่อรอทำข่าวรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร  อดีตครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาสงเคราะห์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548  หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ก่อนลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม กระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งให้รื้อคดีใหม่  ซึ่งเช้านี้จะมีการนัดสืบพยานของฝ่ายผู้ร้อง เริ่มตั้งต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป โดยทีมกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จะนำพยานขึ้นสู่ศาล จำนวน 10 ปาก 
          
สำหรับพยานปากสำคัญ ประกอบด้วย นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี  นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 51 ปีซึ่งเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในคดี ช่วงเกิดเหตุที่เคยยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกันทั้งสองคน ว่าพบเห็นคนขับรถยนต์ที่เกิดเหตุ เป็นผู้ชายลงมาดูศพผู้ตาย หลังขับรถยนต์ชนรถจักรยาน พยานยังพบเห็นว่า ผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์หนีไป แต่จำได้เพียงตัวเลขทะเบียน 56 ส่วนอื่นไม่สามารถจำได้  และ นายสับ วาปี ที่ออกมารับสารภาพว่าเป็นตนเองที่ขับรถชนตัวจริง คือ รถยนต์ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ไม่ใช่รถยนต์ บค 56 สกลนคร 

(คลิกอ่าน : พิลึก!?!..."สับ วาปี"หายตัว ไม่มาขึ้นศาลช่วย"ครูจอมทรัพย์" ไหนพูดมาตลอดว่าชนคนตายเองเกิดอะไรขึ้น)

มีรายงานว่าฝ่ายกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จะนำหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ รถยนต์โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บค 56 สกลนคร ซึ่งเป็นรถยนต์ของครูจอมทรัพย์ มาแสดง และยื่นคำร้องต่อศาลให้มีการลงเดินเผชิญสืบ ตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกเหนือจากการสืบพยานในบัลลังก์เท่านั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ยืนยันว่ารถยนต์ดังกล่าวไม่เคยมีการเฉี่ยวชน  นอกจากนี้ยังมีใบรับรองยืนยันการตรวจสอบ จาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญ
          
ส่วนวันที่ 9 -10 กุมภาพันธ์ 2560 จะเป็นการสืบพยานของฝ่ายผู้คัดค้านคือ พนักงานอัยการจังหวัดนครพนม ต่อไป โดยทางตำรวจยังคงยืนยันว่าจะต้องรอขบวนการของศาลเสร็จสิ้น จึงจะมีการตรวจสอบดำเนินคดี ในส่วนเกี่ยวข้องหากพบว่ามีขบวนการรับจ้างทำผิดแทนจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนางจอมทรัพย์เดินทางมาถึง  มี นายสุคิด หอมเนศ อายุ 60 ปี ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น พร้อมเพื่อนครูนำกระเช้าดอกไม้มามอบให้นางจอมทรัพย์  พร้อมกับกล่าวต่อหน้านางจอมทรัพย์ว่า  มามอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจในการต่อสู้ให้กับครูจอมทรัพย์  ขณะเดียวกันตนยังได้ยื่นหนังสือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ทางกระทรวงฯ ได้พิจารณาให้ครูจอมทรัพย์กลับเข้ามารับราชการในระหว่างต่อสู้คดีก่อน อีกทั้ง ยังได้ยื่นหนังสือไปถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้ตั้งคณะกรรมธิการขึ้นมาตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ โดยเฉพาะตำรวจ ในฐานะต้นน้ำ อัยการ ทนายความ ในฐานะกลางน้ำ และศาล ในฐานะปลายน้ำ ซึ่งในคดีครูจอมมทรัพย์พบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีการแสวงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะรถยนต์ ทะเบียนหมวดอักษร บค มีตั้ง 77 คันทั้งประเทศ แต่โฟกัสแค่รถกระบะทะเบียน บค 56 สกลนคร

ด้าน นายพงศา ราตรี  ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ที่ดูแลคดี เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการสืบพยานผู้ร้อง คือฝ่ายนางจอมทรัพย์  มีพยานปากสำคัญรวม 10 ปาก ที่จะนำขึ้นสืบพยาน รวมถึงนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับรถครูจอมทรัพย์ มาให้ศาลสืบพยาน ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย โดยในการสืบพยานวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นเพียงการสืบพยานเพื่อพิจารณารวบรวมเสนอไปยังศาลฎีกา พิจารณาอีกครั้ง จึงเป็นที่สิ้นสุด ยังต้องรอขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายอีกระยะหนึ่ง ถึงจะรู้ผลการพิจารณา

ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ รองประธานศูนย์รับเรื่องร้องเรียนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม(ศยธ.) เปิดเผยว่า การนำพยานขึ้นเบิกความในวันนี้ จะมีทั้งพยานเดิมและพยานใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์  ส่วนการนำรถกระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็ก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บค 56 สกลนคร มาที่ศาลในวันนี้ ก็เพื่อให้ศาลเผชิญสืบ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จาก 3 องค์กรอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากที่สุด  อย่างไรก็ตาม การสืบพยานในวันนี้ ฝ่ายผู้ร้องจะเน้นการนำสืบให้ศาลเห็นเกี่ยวกับรถกระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็กซ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บค 56 สกลนคร ว่าไม่เคยผ่านการเฉี่ยวชน หรือเกิดอุบัติเหตุมาก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เช้ามืดของวันนี้  ครูจอมทรัพย์ ถือฤกษ์โดยเดินทางไปนมัสการขอพรองค์พระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนขึ้นศาล และยังเดินทางไปยังจุดเกิดอุบัติเหตุ บริเวณถนนพระซอง-เรณูนคร ฝั่งมุ่งหน้าไปยัง อ.เรณูนคร จ.นครพนม โดยครูจอมทรัพย์ ได้จุดธูป 1 ดอก กล่าวคำขอขมาทั้งน้ำตา ถึงดวงวิญญาณผู้ตาย รวมถึงเจ้าที่ และเจ้ากรรมนายเวร เพื่อขอให้อโหสิกรรม หากมีเวรต่อกัน ไม่ว่าแต่ชาติปางไหน พร้อมขอให้หมดทุกข์ หมดโศก หมดเคราะห์กรรม และขอให้ความจริงปรากฏต่อสังคม เพื่อให้ตนพ้นจากมลทิน  ก่อนเดินทางกลับไปพักที่ตัวเมืองนครพนม  ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 

 

เริ่มแล้ว!! ไต่สวนคดี "ครูจอมทรัพย์"เจ้าตัวถือฤกษ์ไหว้พระธาตุพนมก่อนขึ้นศาล ฝ่ายผู้ร้องเน้นนำสืบหลักฐานวิทยาศาสตร์ ชี้ชัดรถครูไม่เคยเฉี่ยวชน

(คลิกอ่าน : "ครูจอมทรัพย์" ถือเคล็ดไหว้ผู้เสียชีวิต!!! ดลบันดาลให้ความจริงปรากฏก่อนขึ้นศาลรื้อคดี)

ขอบคุณภาพจาก ทวีตเตอร์ ‏@Nicha_PPTV
วิทย์ณเมธา  สำนักข่าวทีนิวส์