- 08 ก.พ. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 8 ก.พ.) ที่ศาลจังหวัดนครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหน้าศาลคึกคักตั้งแต่เช้า โดยมีกองทัพสื่อมวลชนต่างทะยอยเข้ามารวมตัว เพื่อรอทำข่าวรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาสงเคราะห์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ก่อนลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม กระทั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งให้รื้อคดีใหม่ ซึ่งเช้านี้จะมีการนัดสืบพยานของฝ่ายผู้ร้อง เริ่มตั้งต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป โดยทีมกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จะนำพยานขึ้นสู่ศาล จำนวน 10 ปาก
สำหรับพยานปากสำคัญ ประกอบด้วย นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 51 ปีซึ่งเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในคดี ช่วงเกิดเหตุที่เคยยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกันทั้งสองคน ว่าพบเห็นคนขับรถยนต์ที่เกิดเหตุ เป็นผู้ชายลงมาดูศพผู้ตาย หลังขับรถยนต์ชนรถจักรยาน พยานยังพบเห็นว่า ผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์หนีไป แต่จำได้เพียงตัวเลขทะเบียน 56 ส่วนอื่นไม่สามารถจำได้ และ นายสับ วาปี ที่ออกมารับสารภาพว่าเป็นตนเองที่ขับรถชนตัวจริง คือ รถยนต์ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ไม่ใช่รถยนต์ บค 56 สกลนคร
มีรายงานว่าฝ่ายกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จะนำหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ รถยนต์โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บค 56 สกลนคร ซึ่งเป็นรถยนต์ของครูจอมทรัพย์ มาแสดง และยื่นคำร้องต่อศาลให้มีการลงเดินเผชิญสืบ ตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกเหนือจากการสืบพยานในบัลลังก์เท่านั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ยืนยันว่ารถยนต์ดังกล่าวไม่เคยมีการเฉี่ยวชน นอกจากนี้ยังมีใบรับรองยืนยันการตรวจสอบ จาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญ
ส่วนวันที่ 9 -10 กุมภาพันธ์ 2560 จะเป็นการสืบพยานของฝ่ายผู้คัดค้านคือ พนักงานอัยการจังหวัดนครพนม ต่อไป โดยทางตำรวจยังคงยืนยันว่าจะต้องรอขบวนการของศาลเสร็จสิ้น จึงจะมีการตรวจสอบดำเนินคดี ในส่วนเกี่ยวข้องหากพบว่ามีขบวนการรับจ้างทำผิดแทนจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนางจอมทรัพย์เดินทางมาถึง มี นายสุคิด หอมเนศ อายุ 60 ปี ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น พร้อมเพื่อนครูนำกระเช้าดอกไม้มามอบให้นางจอมทรัพย์ พร้อมกับกล่าวต่อหน้านางจอมทรัพย์ว่า มามอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจในการต่อสู้ให้กับครูจอมทรัพย์ ขณะเดียวกันตนยังได้ยื่นหนังสือไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ทางกระทรวงฯ ได้พิจารณาให้ครูจอมทรัพย์กลับเข้ามารับราชการในระหว่างต่อสู้คดีก่อน อีกทั้ง ยังได้ยื่นหนังสือไปถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้ตั้งคณะกรรมธิการขึ้นมาตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ โดยเฉพาะตำรวจ ในฐานะต้นน้ำ อัยการ ทนายความ ในฐานะกลางน้ำ และศาล ในฐานะปลายน้ำ ซึ่งในคดีครูจอมมทรัพย์พบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีการแสวงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะรถยนต์ ทะเบียนหมวดอักษร บค มีตั้ง 77 คันทั้งประเทศ แต่โฟกัสแค่รถกระบะทะเบียน บค 56 สกลนคร
ด้าน นายพงศา ราตรี ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ที่ดูแลคดี เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการสืบพยานผู้ร้อง คือฝ่ายนางจอมทรัพย์ มีพยานปากสำคัญรวม 10 ปาก ที่จะนำขึ้นสืบพยาน รวมถึงนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับรถครูจอมทรัพย์ มาให้ศาลสืบพยาน ตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย โดยในการสืบพยานวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นเพียงการสืบพยานเพื่อพิจารณารวบรวมเสนอไปยังศาลฎีกา พิจารณาอีกครั้ง จึงเป็นที่สิ้นสุด ยังต้องรอขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายอีกระยะหนึ่ง ถึงจะรู้ผลการพิจารณา
ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ รองประธานศูนย์รับเรื่องร้องเรียนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม(ศยธ.) เปิดเผยว่า การนำพยานขึ้นเบิกความในวันนี้ จะมีทั้งพยานเดิมและพยานใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนการนำรถกระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็ก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บค 56 สกลนคร มาที่ศาลในวันนี้ ก็เพื่อให้ศาลเผชิญสืบ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จาก 3 องค์กรอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การสืบพยานในวันนี้ ฝ่ายผู้ร้องจะเน้นการนำสืบให้ศาลเห็นเกี่ยวกับรถกระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็กซ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บค 56 สกลนคร ว่าไม่เคยผ่านการเฉี่ยวชน หรือเกิดอุบัติเหตุมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เช้ามืดของวันนี้ ครูจอมทรัพย์ ถือฤกษ์โดยเดินทางไปนมัสการขอพรองค์พระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนขึ้นศาล และยังเดินทางไปยังจุดเกิดอุบัติเหตุ บริเวณถนนพระซอง-เรณูนคร ฝั่งมุ่งหน้าไปยัง อ.เรณูนคร จ.นครพนม โดยครูจอมทรัพย์ ได้จุดธูป 1 ดอก กล่าวคำขอขมาทั้งน้ำตา ถึงดวงวิญญาณผู้ตาย รวมถึงเจ้าที่ และเจ้ากรรมนายเวร เพื่อขอให้อโหสิกรรม หากมีเวรต่อกัน ไม่ว่าแต่ชาติปางไหน พร้อมขอให้หมดทุกข์ หมดโศก หมดเคราะห์กรรม และขอให้ความจริงปรากฏต่อสังคม เพื่อให้ตนพ้นจากมลทิน ก่อนเดินทางกลับไปพักที่ตัวเมืองนครพนม ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
(คลิกอ่าน : "ครูจอมทรัพย์" ถือเคล็ดไหว้ผู้เสียชีวิต!!! ดลบันดาลให้ความจริงปรากฏก่อนขึ้นศาลรื้อคดี)
ขอบคุณภาพจาก ทวีตเตอร์ @Nicha_PPTV
วิทย์ณเมธา สำนักข่าวทีนิวส์