วันนี้ ( 10 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดนครพนมสืบพยานคดี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโครต ว่า จนถึงขณะนี้ตำรวจยังมั่นใจในพยานหลักฐาน ตั้งแต่เริ่มแรกทำคดีแล้ว และ ทั้ง 3 ศาล คือศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ได้ตัดสินจำคุกบนพยานหลักฐานที่ตำรวจนำส่งพนักงานอัยการ ซึ่งวันนี้ (10 ก.พ.) เป็นการสืบพยานวันสุดท้าย และหลังจากศาลสืบสยานเสร็จแล้วก็จะส่งให้ศาลฎีกาตัดสิน ส่วนประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ขบวนการรับจ้างติดคุก ในประเด็นนี้ต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อแน่นอน เพราะเรื่องเดียวกันอาจจะมีหลายสิ่งที่จะต้องดำเนินการไปพร้อมพร้อมกัน
รองโฆษก สตช. กล่าวด้วยว่า การสืบพยานของศาลจังหวัดนครพนมในครั้งนี้ เพื่อมุ่งหาว่าทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เป็นการสื่อให้เห็นว่าการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจตั้งแต่ต้นเป็นไปตามที่นำส่งพนักงานอัยการหรือไม่ ซึ่งต้องให้ศาลสืบพยานในวันนี้ให้จบก่อน หลังจากนั้นคงจะมีความชัดเจนออกมา ถ้าสุดท้ายแล้วผลการตัดสินของศาลที่ออกมาฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำก็ว่ากันไป ซึ่งจะมีหลักการในการดำเนินการต่ออยู่แล้ว หลังจากศาลตัดสินคงจะมีการแถลงอีกครั้ง จะพูดทุกเรื่องตอนนี้คงไม่ได้ เพราะอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ต้องให้ความเคารพ ไม่อาจก้าวล่วง ส่วนศาลจะใช้ระยะเวลาในการตัดสินนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสาล
ข่าวแจ้งว่า สำหรับการออกนั่งบัลลังก์สืบพยานของศาลในวันนี้ เป็นการสืบพยายต่อเนื่องของฝ่ายผู้คัดค้าน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำพยานมาขึ้นเบิกความทั้งหมด 6 ปาก หนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ อดีต สว.จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ซึ่งเคยออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า มีกลุ่มพยานของนายสับ วาปี มาขอคำปรึกษาทางกฎหมายในฐานะที่เป็นทนายความ เพื่อหาทางช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ และให้นายสับรับผิดแทน แต่ครั้งนั้น พ.ต.ท.จิตต์ ไม่ได้ให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด
ทั้งนี้ แนวทางการเบิกความของพยานฝ่ายคัดค้านหักล้างกับฝ่ายผู้ร้อง โดยมุ่งไปในประเด็นว่ามีขบวนการจ้างวานให้รับผิดแทนครูจอมทรัพย์ และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย มีพยานหลักฐานครบถ้วนยืนยันว่าครูจอมทรัพย์ไม่ได้เป็นแพะ เพื่อให้ศาลยกคำร้องในการรื้อคดี
วิทย์ณเมธา สำนักข่าวทีนิวส์