- 13 ก.พ. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต เป็นศิษย์สำคัญองค์หนึ่งของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่ทั้งพระและโยมในวงพระธุดงคกรรมฐานรู้จักท่านเป็นอย่างดี
เรื่องราวของหลวงปู่บุญฤทธิ์ น่าสนใจและน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตท่านเป็นนักศึกษาปริญญาจากต่างประเทศ เป็นข้าราชการหนุ่มที่มีอนาคตสดใส แต่ด้วยความเลื่อมใสปฏิปทาพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านจึงลาออกจากราชการแล้วออกบวชและปฏิบัติธรรมแบบถวายชีวิตต่อพระศาสนา ออกธุดงค์อยู่ตามป่าตามเขาโดยตลอด
ท่านเป็นศิษย์กรรมฐานของพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ท่านพ่อลี ธมฺมธโร และออกป่าติดตามหลวงปู่ชอบ ฐานสโม นานถึง ๙ ปี เรื่องราวเมื่อครั้งหลวงปู่บุญฤทธิ์ไปฝึกภาวนากับหลวงปู่ชอบนั้น นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะหลวงปู่บุญฤทธิ์ได้เผชิญกับความยากลำบากนานัปการ ถึงขั้นที่พอเรียกได้ว่า “เฉียดตาย” ทางเราจึงขอนำเสนอเรื่องราวตรงส่วนนี้ ด้วยหวังจะเป็นประโยชน์ให้ท่านผู้อ่านได้เกิดศรัทธาในความมุมานะของหลวงปู่บุญฤทธิ์และ เมื่อเรียนรู้จากหลวงปู่บุญ ขอให้เราท่านนั้นศรัทธาในความมุมานะของตนเช่นกัน
เรื่องมีอยู่ว่า...วันหนึ่ง หลวงปู่บุญฤทธิ์ได้โอกาสเข้าไปปรนนิบัติ ท่านพ่อลี ธมฺมธโร ก็ได้ถามขึ้นว่า
“ท่านอาจารย์ครับ พระอาจารย์ชอบน่ะ คือใครครับผม?”
“โอ ! นั่นแหละลูกศิษย์มีอภิญญาของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต....ถามทำไมล่ะ เคยเห็นท่านหรือ ?”
ด้วยความที่หลวงปู่บุญฤทธิ์ให้ความสนใจใคร่รู้ในเรื่องของ อภิญญา
ท่านจึงตอบหลวงพ่อลีไปว่า “ครับ เคยเห็นท่านที่วัดเจดีย์หลวง...ถ้างั้นกระผมกราบลาท่านอาจารย์ไปเชียงใหม่อีก ขอไปปฏิบัติกับท่านอาจารยชอบ” ….
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางเพื่อฝึกภาวนา กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ณ ผาแด่น ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าใครต่อใครจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่แห่งนั้นเป็นถิ่นทุรกันดารมีแต่ความลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงปู่บุญฤทธิ์ที่เป็นพระในเมืองมาก่อน ความลำบากที่ได้พบย่อมจะต้องเท่าทวีคูณ
ท่านเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส : “เฮ้ย ! เดี๋ยวก็ถูกหามออกมาจากป่าหรอกนะ ไข้ป่าจะเล่นงานเอา อย่าไปเลย”
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม : “อย่าเพิ่งไปเลย รอหน้าแล้งก่อนเถอะ เวลานี้อากาศชื้น ลำบากมาก เธอจะทนไม่ได้”
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ : “อยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งไป !”
เสียงของเหล่าครูบาอาจารย์ที่กล่าวเตือนท่าน มิได้ทำให้ท่านย่อท้อ แต่กลับเป็นพลังให้ท่านดำเนินตามที่ปราถนา ซึ่งตรงนี้หลวงปู่บุญฤทธิ์ได้กล่าวไว้ว่า
“อ้าว ! ก็จิตมันรู้ได้ทันทีว่า ที่ครูบาอาจารย์ท่านทักท้วงมาตั้งแต่กรุงเทพฯ จนมาถึงเชียงใหม่ ท่านผู้เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ก็ทักท้วงอีก ทำให้อาตมายิ่งแน่ใจในปฏิปทาของท่านหลวงปู่ชอบ ว่าจะต้องเป็นชีวิตที่ลำบากยากแค้นมาก และสถานที่ที่ท่านไปอยู่บำเพ็ญภาวนานั้นจะต้องเป็นสถานที่กันดาร ไปมาลำบาก ขึ้นเขาลงห้วย ยากตลอดทั้งไปและอยู่ทีเดียว
อาตมาคิดปลงตก ตายเป็นตาย ขอไปตายกับท่านเพื่อเอาอภิญญาให้ได้ จะได้รู้ว่าคนมีอภิญญาน่ะมันเป็นลักษณะไหนกันแน่...”
เมื่อท่านเดินทางมาถึงผาแด่น จึงได้พบว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายท่านเตือนมานั้น ยังไม่ถึงครึ่งกับความจริงที่ท่านได้ประสบเองเลย เพราะ ความจริงแล้วมันลำบากยิ่งกว่าคิดเสียอีก โอ...รสชาติมันเหลือหลาย
แค่บิณฑบาตมื้อแรกก็ทำเอาท่านแทบสะอึก !
หลวงปู่บุญฤทธิ์ เล่าให้ฟังว่า “ระยะแรกที่ได้ไปอยู่ในป่าดงพงไพร โดยเฉพาะที่ผาแด่น มีความยุ่งยากลำบากและกันดาร
ก็เหมือนตอนเช้า อาตมาเดินตามหลังหลวงปู่ไปบิณฑบาตจากชาวบ้าน ซึ่งก็เป็นพวกยาง เป็นชาวบ้านป่ากลุ่มหนึ่ง ที่เชิงเขา
ได้รับอาหารบิณฑบาตที่เขาใส่มา ก็อาตมาเป็นพระชาวกรุงนี่ เห็นครั้งแรกก็แทบสะอึก
อะไรรู้ไหมล่ะ ?
อาหารเขาง่ายๆ นะ เขาเอาบอนมาปอก แล้วก็ตำกับน้ำ เอาเกลือใส่ปะแล่มๆ บ้าง ใบไม้บางชนิดตำกับเกลือ ใส่น้ำขลุกขลิกบ้าง เกลือกับพริกตำแล้วเอาน้ำใส่โหรงเหรง ดูแล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเอารสชาติแบบไหนกัน บางคราวไปเจอเอาลูกหนูหมักดองด้วยเกลือ เขานำเอามาปรุงอาหารแต่ละครั้งก็เหม็นคลุ้งไปหมด
แรกๆ อาตมารู้สึกพะอืดพะอม มองดูหลวงปู่ท่านนั่งฉันหน้าตาเฉย เอ ! จะทำอย่างไรดี
ข้าวเหนียวนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอก กับข้าวนี่ซี มันแสนจะทรมาน ที่สุดก็กล้ำกลืนฉันบ้าง
หลวงปู่ชอบท่านสอนเสมอๆ ว่า
“อาหารบิณฑบาตได้มาก็ฉันไปตามมีตามได้ ฉันพอประทังให้ธาตุขันธ์อยู่ได้ ก็นับได้ว่าดีแล้ว มีพลังในกาบำเพ็ญธรรมต่อไป”
หลวงปู่บุญฤทธิ์จึงคิดว่า “ถ้าท่านฉันได้ เราก็ต้องฉันได้ !”
แต่ผลออกมาไม่ดีนัก หลังจากที่ท่านฉันได้ประมาณหนึ่งเดือน ท้องร่วงถ่ายตลอดทั้งเดือน เพราะธาตุขันธ์มันไม่เคย
วันๆหนึ่งหมดไปกับการ นอนหอบซี่โครงบานๆ ด้วยอาการอ่อนเพลีย เพราะถ่ายมากเหลือเกิน แต่กระนั้นหัวใจของท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ยังสู้ได้ !
วันหนึ่งพวกยางเขาทำพิธีอะไรก็ไม่รู้ในหมู่บ้านเขา เสร็จแล้วงานนี้มีไก่มาถวายเป็นอาหาร พอได้ไก่มา หลวงปู่ชอบท่านก็สั่งพระที่อยู่ด้วยว่า
“เก็บไว้ให้บุญฤทธิ์ ยามาแล้วคราวนี้”
เมื่อท่านพูดแล้วจึงให้พระรูปอื่นไปตามหลวงปู่บุญฤทธิ์มา ซึ่งพักปักกลดอยู่ก็ไกลพอสมควร เดินไปมาหากันราวๆ กิโลเมตรกว่าๆ
อาตมาเดินมารับไก่นั้นเป็นอาหารเช้าในวันนั้น มันก็แปลกมาก พออาตมาฉันไก่ที่หลวงปู่บอกว่าเป็นยา อาตมาก็ฉันหมด โรคท้องร่วงก็หายมาตั้งแต่บัดนั้นเลยทีเดียว
อันนี้เป็นเรื่องอัศจรรย์มากนะ เออ ! ไก่เป็นยาก็ดีเหมือนกันนะโยม”
อ่านเรื่องราวการภาวนาระหว่าง
มาถึงวันนี้ หลวงปู่บุญฤทธิ์ ยังคงครองชีวิตใต้ร่มกาสาวพักตร์ ได้โดยมิมีด่างพร้อย จวบจนอายุถึง 103 ปี
ขอเชิญร่วมงาน อายุวัฒนมงคล 103 ปี หลวงปู่บุญฤทธิ์ อ่านรายละเอียด คลิก
จินต์จุฑารายงาน
ที่มา : dhammajak.net/