"สนธิญาณ” ชี้!! "ธรรมกาย" มี 131 แห่งทั่วโลก  "พระธัมมชโย”  หนีไปต่างประเทศ ตั้งลัทธิใหม่ที่ไม่ขึ้นกับสงฆ์ไทย เพื่อรักษาศรัทธาจากลูกศิษย์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tnews.co.th

 


สนธิญาณ : ….. กลับมาถึงรอบนี้เป็นการกระทำความผิดอาญารอบใหม่ เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และนายศุภชัย ความผิดรอบนี้เป็นความผิดอาญาเต็มๆ และหนักหน่วง หลักฐานค่อนข้างที่จะปรากฏชัดครั้งนี้เราต้องทบทวนกันว่าศาลออกหมายจับ ผมต้องเรียนว่าผู้ต้องหาที่กระทำความผิดไม่ใช่จู่ๆ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนจะสามารถเดินทางไปจับกุมเฉยเฉยๆ แบบนั้นทำไม่ได้ ยกเว้นว่าทำความผิดซึ่งหน้า หลังจากที่ประมวลหลักฐานแล้วพนักงานสอบสวนก็ส่งเรื่องให้กับศาล ศาลก็จะพิจารณาหลักฐานเป็นเบื้องต้นแล้วว่ามีมูลการขอหมายจับหลายครั้ง แต่สำเร็จในวันที่ 7 พฤษภาคมพ. ศ. 2559 เมื่อปีที่แล้วนี่เอง หลังจากที่ศาลออกหมายจับแล้วจะตามจับกุมได้ พนักงานสอบสวนก็ต้องขอหมายจับ เจอผู้ต้องหาที่ไหนก็ต้องจับที่นั่น ก็รู้ว่าผู้ต้องหาอยู่ในวัดพระธรรมกายก็มีการเจรจาให้ออกมามอบตัว มามอบตัวแล้วยังนะครับ ประเด็นนี้สำคัญ ดีเอสไอเจรจาให้ออกมามอบตัว แต่ปรากฏว่าพระธัมมชโยและบรรดาเครือข่ายลูกศิษย์ในขณะนั้นไม่ยินยอมที่จะมามอบตัว ที่เป็นสถานการณ์ที่เชื่อมโยงไปในวันข้างหน้าถ้าไม่มอบตัวก็ข้ออ้างในขณะนั้นก็คือ ภาพหรือว่าป่วยหนักอยู่ศาลออกหมายจับวันที่ 22 พฤษภาคม นายองอาจ โฆษกศิษย์ยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายก็พาสื่อสารมวลชนไปดูในวัดและถ่ายทอดผ่านจอมอนิเตอร์ เห็นพระธัมมชโยนอนอาพาธอยู่บนเตียงและขาข้างหนึ่งบวมเป็นสีดำบอกว่าอาพาธหนัก ไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายได้ไม่สามารถที่จะทำตามคำสั่งของพนักงานสอบสวนได้ รอให้อาการดีขึ้นเสีย หน้าห้องที่อาพาธมีสื่อมวลชนบางส่วนได้ถ่ายภาพ เรียกว่าอยู่ที่อาคารดาวดึงส์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นเมื่อวันสองวันที่ผ่านมา ปรากฏว่าไม่เจอพระธัมมชโยอยู่ที่นั่น เราก็มาดูนะครับว่าหลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ยืดเยื้อ เมื่อไม่ยอมมอบตัวเจรจาแล้วเจรจาอีก ศาลออกหมายค้นเพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไป การปฏิบัติความผิดอื่นอื่นก็เริ่มปรากฏขึ้น คดีอาญาเพิ่มขึ้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพียงคณะเดียว ก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยก็มีการสนธิกำลังจะเข้าไปดำเนินการตรวจค้นและเพื่อจับกุมพระธัมมชโย ย้ำนะครับ การเข้าตรวจค้นหรือการจะเข้าไปในวัดพระธรรมกายวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อไปจับพระธัมมชโย แต่ไม่สำเร็จ เพราะมีกระบวนการการขัดขวางในทุกรูปแบบจากพระและศิษย์ยานุศิษย์
 
 
ยุคล : เขาก็บอกว่านี่ไงพาไปแล้ว ตามจุดต่างๆ
 
สนธิญาณ : แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ต้องไปทบทวนก่อนครับคุณยุคลว่าทำไม คสช. ถึงออกมาตราตามคำสั่ง 44 คสช. ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ไม่ได้ออกคำสั่งให้ไปจับพระธัมมชโยนะครับ เพราะพระธัมมชโยมีหมายจับอยู่แล้ว
 
ยุคล : คนเข้าใจว่าเอามาตรา 44 ไปจับพระธัมมชโย
 
สนธิญาณ : ไม่ใช่ครับไปจับตามคำสั่งศาลส่วนมาตรา 44 เป็นการออกมาเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกและคุ้มครองเราหน้าที่รัฐอันประกอบไปด้วยตำรวจทหาร ดีเอสไอ คณะฝ่ายปกครองในการสนธิกำลังการเข้าตรวจค้นเพื่อเพื่อตรวจค้นจับกุม
 
ยุคล : มาตรา 44 เพื่ออำนวยความสะดวก
 
สนธิญาณ : เป็นแบบนั้นที่ผ่านมาเข้าไปจับไม่ได้ เพราะถูกขัดขวางครั้งนี้ โดยคำสั่งเขาจะเรียกว่าคำสั่งเพื่อควบคุมพื้นที่จะเป็นถ้อยคำที่ถูกต้องเรียกว่า มาตรการให้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายหัวข้อชัดเจนนะครับ
 
ยุคล : ไม่ได้บอกว่ามาตรา 44 ไปจับ
 
สนธิญาณ : ไม่ใช่ครับ เพราะมีหมายจับให้จับอยู่แล้ว เพื่อที่จะจัดการออกคำสั่งมา 8 ข้อในการควบคุมเข้าและออกพื้นที่ให้บุคคลเข้าห้ามเข้าหรือออกเรียกให้บุคคลมารายงานตัวหรือให้ถ้อยคำจับกุมบุคคลที่กระทำความผิดอาญาซึ่งหน้า ดำเนินการควบคุมสาธารณูปโภคการสื่อสารและการใช้อากาศ อากาศยานไร้คนขับ เห็นไหมครับ เมื่อก่อนต้องเอาเจ้าหน้าที่จากมหาดไทยมาดูระบบน้ำสาธารณูปโภค ซึ่งกระทำความผิดปรากฏว่าเที่ยวนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเดียวปฏิบัติได้หมดตามมาตรา 44 อันนี้ชัดเจนเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปได้วัดพระธรรมกาย เราต้องแยกให้ชัดมีแผนที่นะครับวัดพระธรรมกายมีพื้นที่ประมาณ 2,000 ไร่ แต่ที่เรารู้ๆกันอยู่ว่ามี 2,000 ไร่ โดยข้อเท็จจริงแล้ววัดมีเพียงพื้นที่อยู่ 196 ไร่ส่วนที่เหลือเป็นของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย อันเป็นของมูลนิธินะครับ ไม่ใช่ของวัด เหตุผลที่เขาต้องแยกก็เพราะว่า วัดเป็นศาสนสถานในสถานที่ราชการรัฐเข้าควบคุมได้แต่มูลนิธิเป็นของเอกชน อยู่ในอำนาจการควบคุมโดยกรรมการมูลนิธิ ฉะนั้นเงินทำบุญหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆส่วนใหญ่ที่เราบอกว่าทำบุญให้วัดพระธรรมกายจริงๆแล้วอาจจะเข้ามูลนิธิ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปพระในวัดพระธรรมกายก็ให้ความร่วมมือด้วยดี พอไปดูในส่วนของวัดไปดูตัวอาคารดาวดึงที่พระธัมมชโยเคยอยู่หรือได้มาแสดงให้เห็นว่าป่วยหรืออาพาธที่นั่นแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว พระลูกวัดก็พยายามจะบอกว่า ให้ความร่วมมือพาเข้าไปดูในวัดเห็นไหมครับ จริงๆแล้วไม่ใช่หรอกครับผมเรียนย้ำนี่ไม่ใช่การร่วมมือไม่ใช่ผมใส่ร้าย หรือให้ร้าย และข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นการให้ความร่วมมือ
 
ยุคล : คุณสนธิญาณกำลังจะบอกว่าพระมุสาหรือครับ
 
สนธิญาณ : ท่านผู้ชมต้องพิจารณาเอาเอง
 
ยุคล : เอาล่ะครับ คุณสนธิญาณฟันธงเบรคนี้ว่าขั้นตอนทั้งหมดเป็นขั้นตอนตามกฎหมายและฟันธงว่าตอนนี้พระธัมมชโยเลือกและตัดสินใจแล้วที่จะหนีไปมอบตัวอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่จะมีไม่มอบตัวแล้วอนาคตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะหัวข้อหนึ่งที่ ที่คุณสนธิญาณบอกว่าวัดพระธรรมกายจัดตั้งลัทธิใหม่คืออะไรเดี๋ยวเรามาตามกันต่อในเบรคหน้าช่วงนี้พักกันก่อน สักครู่เดียวครับ
 

 


ยุคล : เอาล่ะครับ กลับเข้ามาว่ากันต่อตอนนี้คุณสนธิญาณฟันธงว่าพระธัมมชโยเลือกที่จะมีอย่างแน่นอน และทำให้เราอยากรู้ใช่ไหมครับว่าสถานการณ์ของวัดพระธรรมกายต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงการตั้งคำถามว่าจะมีลัทธิใหม่เกิดขึ้นหรือเปล่าก่อนที่จะไปตรงนั้นเดี๋ยวเรามาเคลียร์คำถามสุดท้าย ในการตั้งโจทย์สุดท้ายของเบรกที่แล้วที่บอกว่ าเมื่อพระลูกวัดวัดพระธรรมกาย ไม่ได้ให้ความร่วมมืออย่างแท้จริงกับเจ้าหน้าที่ ก็หมายความว่าแบบนี้มุสาหรือเปล่า
 
สนธิญาณ : คือมุสาหรือไม่ เมื่อสักครู่ที่ผมย้ำไว้ เวลาเราพูดกันถึงเรื่องเพราะมีแต่เสมอตัวกลับขาดทุน หากพลาดพลั้งก็จะได้และทุกครั้งก็ต้องใช้การไตร่ตรอง แต่จากกรณีนี้ผมเรียนท่านผู้ชมว่าการออกมาตรา 44 การที่ต้องใช้หมายค้นเข้าวัดพระธรรมกายเข้าไปเพื่ออะไร
 
ยุคล : เพื่อเข้าไปตามหาพระธัมมชโย
 
สนธิญาณ : เพื่อจะไปจับกุมพระธัมมชโย วัตถุประสงค์หลักคือการเข้าไปจับกุมพระธัมมชโย ซึ่งพระลูกวัดและศิษยานุศิษย์ก็รู้ว่าที่เจ้าหน้าที่เข้าไปในวัดก็เพื่อที่จะเข้าจับกุมพระธัมมชโยตามหมายจับ เพราะพระธัมมชโยไม่มอบตัวไม่ได้ไปค้นเพื่อหาของผิดกฎหมาย พระออกมาพูดบางทีเล่นลิ้นอีก เรื่องจริงนะครับ บอกว่าไหนมาดูตัวดูเห็นไหม เรียบร้อยไม่มีของผิดกฎหมายที่บอกว่าจะมีอุโมงค์ไปทะลุดาวอังคารก็ไม่มี พูดไปนู่นเขาไม่ได้ไปหาอุโมงค์ครับ ไม่ได้ไปหาสิ่งผิดกฎหมาย แต่เขาไปหาบุคคลที่กระทำความผิดกฎหมายเพื่อที่จะจับแต่พระบอกว่าให้ความร่วมมือเห็นไหมไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยแต่เมื่อถามว่าพระธัมมชโยอยู่ไหน
 
ยุคล : เขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรล่ะครับคุณสนธิญาณ
 
สนธิญาณ : ก็ได้ครับอยู่ที่เจตนาอาจจะไม่รู้จริง แต่สะท้อนให้เห็นว่าพระธัมมชโยคิดอะไรหรือลูกศิษย์วัดพระธรรมกายคิดอะไรเราต้องทวนกลับไปดูว่าเรื่องนี้ว่าถ้าพระธัมมชโยมอบตัวตั้งแต่ต้น เรื่องก็จบได้รับการประกันตัวเหมือนที่คุณองอาจได้รับการประกันตัว ในเรื่องก็จะเดินเข้าสู่กระบวนการของศาลซึ่งโดยหลักการ ผมเรียนย้ำว่า นั่นเป็นการเดินตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคำสอนอันสำคัญคือชาวพุทธทั้งหลายต้องมีสัมมาทิฏฐิ การมีสัมมาทิฏฐิ คือการเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริงพระพุทธเจ้ามีจริง พระพุทธเจ้าเป็นผู้สอนทำเพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลายก้าวออกจากกฎแห่งกรรม ซึ่งกฎแห่งกรรมหลัก ใหญ่ใจความอันเป็นสัมมาทิฐิ คือ ผลอย่างหนึ่งอย่างใดที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นเหตุที่เคยทำมา แม้ไม่ทำในชาตินี้ตอนที่เห็นกันว่าจะเป็นการทำเมื่อในอดีตชาติที่ผ่านมา ลูกศิษย์พระธรรมกายบอกว่า พระธัมมชโยบริสุทธิ์ หลวงพ่อบริสุทธิ์ถูกกลั่นแกล้งถูกใส่ร้าย ขอให้จำไว้เลยนะครับว่าอาจจะถูกกลั่นแกล้งและอาจจะถูกใจร้ายจริง ในชาตินี้แต่นั่นหมายความว่าพระธัมมชโยเคยกันแกล้งไม่เคยใส่ร้ายบุคคลอื่นไว้เมื่อชาติก่อน เพราะพระธัมมชโยเองก็พูดถึงโลกหลังความตายพูดถึงชาติหน้านี่คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในวัดพระธรรมกายพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในภพภูมิทั้ง 6 เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคำสอน ฉะนั้นคำสอนตรงนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญพระที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ไม่มีสิทธิ์พูดว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะผลที่เกิดขึ้นว่าไม่ยุติธรรมนั้นแสดงว่า เคยทำไม่ยุติธรรมมาก่อนฉะนั้นเมื่อผิดในหลักสัมมาที่ผิดแล้วไม่ยอมมอบตัวนี้ก็หนักเข้าไปอีก เพราะทำให้สังคมเดือดร้อนและวุ่นวายก็แสดงว่าตั้งแต่ต้นว่าเจตนาจะมีมาตั้งแต่ต้นเหตุผลแล้วก็ต้องดูครับคำแถลงเลยคำกล่าวของศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย
 
ยุคล : จำได้เลยครับที่บอกว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ต่อเมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตย
 
สนธิญาณ : ก็ไม่รู้ว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไหน ประชาธิปไตยแบบกรอบของคนเสื้อแดง ของ นปช. ของพรรคเพื่อไทย ของนักวิชาการที่ยืนอยู่ที่ตรงข้ามกับ คสช. ก็หมายความว่าอีกปีครึ่งหลังเลือกตั้งหลังโรดแมป แต่ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังไปต่อจะเกิดอะไรขึ้น ทีนี้เรามาดูต่อว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ารัฐบาลไม่ออกมาตรา 44 รัฐบาลและ คสช. ถูกฝ่ายที่เชียร์กระซวกอยู่ตลอดเวลาว่าไม่บังคับใช้กฎหมายอีกฝั่งหนึ่งก็กระแทกกระทั้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะมาทำร้ายพระจะเข้ามาทำลายพระพุทธศาสนานี้เป็นเขตวัดวาอารามโดนทั้งขึ้นทั้งล่องไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด คสช. ก็เสีย เมื่อมาตรา 44 ออกมาวันนี้ก็ต้องทำความเข้าใจว่า คสช. บรรลุเป้าหมายแล้วรัฐบาลบรรลุเป้าหมายแล้ว
 
ยุคล : แต่ ยังมีบางคนมองว่าคว้าน้ำเหลว
 
สนธิญาณ : ผมถึงจะขยายต่อ นะครับว่าก็ออกมาตรา 44 และรัฐบาลออกมาก็เพื่อที่จะเข้าไปในวัดให้ได้ขจัดคนที่ขัดขวาง แต่จะจับได้หรือไม่ก็เป็นผลจากทั้งสองฝั่ง ไม่ฝั่งตั้งหลักจะหนี ผมก็ยืนยันมาโดยตลอดว่ามีแล้ว เพราะถ้ายังอยู่แล้วโดนจับทุกสึกตามกฎหมายสงฆ์ เมื่อหมดจากความเป็นพระทำให้เกิดแรงกระทบกระเทือนต่อแรงเหวี่ยงของบรรดาศิษยานุศิษย์มากมายของวัดพระธรรมกาย ผมจะเปรียบเทียบเรื่องราวในวงการสงฆ์ใหญ่ๆ มีอยู่ 3 ถึง 4 กรณีด้วยกันในกรณีแรกคือกรณีของ พระยันตระ ก็กลับมาในประเทศไทยได้แล้วนะครับ พระยันตระ อมโรภิกขุ เป็นพระที่ดังจริงพระที่ได้อรหันต์ต้องมีส่วนวิชชา 3 วิชชา 8 อภิญญา 6 รู้จิตใจผู้อื่นรู้ อดีตหรืออนาคตฝึกกสิณ หมายความว่าสามารถที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้ ย่นระยะทางได้ แบบนี้มีจริงนะครับ ในพระไตรปิฎกก็มี สิ่งที่เป็นอยู่แบบนี้พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าไปได้ใส่ใจเพราะบางรูปบางองค์มีขึ้นแล้วอาจจะติดกับกิเลสแสวงหากิเลส แสวงหาผลประโยชน์เข้ามาผลประโยชน์ทางใจ ผลประโยชน์ทางอำนาจ ผลประโยชน์ทางชื่อเสียง ผลประโยชน์ทางความหลงในการเป็นผู้วิเศษ พระยันตระท้ายที่สุดก็ถูกคดีซึ่งมีตัวตนมาฟ้องอย่างจริงจัง พูดง่ายๆ คือ ล่วงละเมิดสิทธิ์เมถุนก็ทำให้ปาราชิก ก็ไม่ยอมรับก็มีไปสหรัฐอเมริกา จึงอยู่ได้เพราะสหรัฐอเมริกาเปิดกว้าง และคดีที่ว่าไม่ใช่คดีกฎหมายอาญา ตอนนี้หมดอายุความก็กลับมาประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ได้กลับมาในลักษณะของพระ แม้จะครองตัวเป็นเหมือนผู้ทรงศีลอยู่ แต่ก็มีหนวดเคราถือว่าอยู่นอกกรอบของพระพุทธศาสนาแล้ว เป็นลัทธิความเชื่อใครยังนับถือใครจะเคารพก็ว่าไป อีกคนหนึ่งก็คือ เณรคำ เณรคำก็มาแบบเดียวกันเลยชอบพูดเราไม่ได้ วิเศษอย่างนู้นอย่างนี้ อะไรก็ลงมองข้ามไปหมด พระนั่งเครื่องบินส่วนตัวสารพัดที่ไม่ประพฤติวินัยพระ โดนเหมือนกันถูกข้อหาเสพเมถุนเหมือนกันมีญาติโยมสีกาเข้าห้อมล้อม เจอแบบเดียวกันก็หนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา นี่คือพวกที่นี้ซึ่งพระธัมมชโยท่านี้ก็ต้องแบบเดียวกันแต่จะไม่เป็นแบบเดียวกัน ผมย้ำนะครับมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจอีก 1 กรณีซึ่งมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่จะเห็นภาพชัดว่าผู้ที่อยู่ในสัมมาทิฏฐิ ผู้ที่อยู่ในคำสอนพระพุทธศาสนา แม้จะไม่ดำรงคงสถานะความเป็นสงฆ์ไทย แต่ก็น่ายกย่องกราบไหว้นับถือ คือกรณีของสันติอโศก วันนี้ผู้นำเราเรียกท่านว่า สมณะโพธิรักษ์ ผมเองเมื่อเจอก็กราบไหว้ด้วยความเป็นปลื้มด้วยความอิ่มเอิบ ไม่ใช่เพียงแต่พ่อท่านโพธิรักษ์ผมเจอ พระภิกษุณี หลวงแม่ที่วัดทรงธรรมกัลยาณี ที่นครปฐม ซึ่งในกฎหมายสงฆ์ไทยไม่ยอมรับ ในพุทธบริษัท 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ถือว่าภิกษุณีขาดไปจากเถระวาทไทย แต่ผมก็กราบได้อย่างสนิทใจด้วยความเคารพศรัทธาในวัตรปฏิบัติในการยึดมั่นในฐานะผู้ทรงศีล นึกภาพออกไหมครับไม่ต้องมีสถานะแห่งความเป็นพระ กลับมาที่สันติอโศกสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายก  (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้นประกาศว่าพระโพธิรักษ์ทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ทำตัวเช่นเดียวกับเหมือนกับสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตแบบเดียวกันถึง ธัมมชโย แต่จุดจบไม่เหมือนกัน
 
ยุคล : ถ้าเป็นแบบนี้ต้องตามต่อในเบรคหน้านะครับเห็นภาพนะครับไล่เรียงตั้งแต่พระยันตระ มาเณรคำ และสมณะโพธิรักษ์เพื่อต้องการฉายภาพรวมให้ผู้ชม ได้เกิดกรณีศึกษามาเทียบเคียงกับกรณีของวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยส่วนสมณะโพธิรักษ์ และพระธัมมชโยนั้นแตกต่างกันอย่างไร เดี๋ยวมาตามต่อกันในไปอีกหน้าช่วงนี้พักกันก่อนสักครู่เดียวครับ
 

 

 


ยุคล : เอาล่ะครับ กลับเข้ามาในเบรกสุดท้าย ยุคลถามตรงสนธิญาณฟันธงตอบ ผมย้ำหัวข้ออีกครั้งหนึ่งก็คือ ธัมมชโยหนีธรรมกายตั้งลัทธิใหม่ คุณสนธิญาณต้องตอบคำถามสุดท้ายว่าคำว่าตั้งลัทธิใหม่จัดเป็นอย่างไรและจะโยงใยไปถึงไหนแต่เบรกที่แล้วพยายามลำดับเรื่องสมณะโพธิรักษ์ เพื่อที่จะเปรียบเทียบกับพระธัมมชโย เชิญต่อเลยครับ
 
สนธิญาณ : อย่างนี้ครับความหมายของลัทธิใหม่ ความจริงเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามรัฐธรรมนูญรัฐธรรมนูญทุกฉบับจะเขียนไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติ หรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รัฐธรรมนูญจะกำหนดไว้แนวนี้ แสดงว่าเป็นสิทธิของประชาชนในการที่จะนับถือศาสนาหรืออะไรหรือลัทธิอะไรก็ได้ ถ้าไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ และต่อความสงบของชาติ และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย
 
ยุคล : แบบนี้ไหมครับที่เราเห็นพี่น้องประชาชนต่างจังหวัดนับถืออันนั้นอันนี้
 
สนธิญาณ : นับถือผีไม่นับครับ ไม่เช่นนั้นก็ผิดหมด ไปไหว้พระภูมิเจ้าที่แบบนั้นไม่มีครับ มันเป็นสิทธิเสรีภาพทีนี้เราก็มาดูกรณีที่เราจะเห็นชัดก็คือ กรณีของสันติอโศก ลองเปรียบเทียบให้เห็นทั้งๆ ที่เปรียบเทียบกันไม่ได้เป็นอย่างนี้ครับ กรณีของสันติอโศกครับว่าเมื่อสมเด็จพระสังฆราชสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปรินายก (วาสน์ วาสโน) ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น วินิจฉัยว่าพระโพธิรักษ์ผิดพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่อง จึงให้จะขาดจากความเป็นสงฆ์ พระโพธิรักษ์ท่านก็สู้ พระโพธิรักษ์ไม่ได้สู้แต่เพียงรูปเดียว บรรดาพระที่สังกัดสันติอโศกหรือศรัทธาต่อพ่อท่านโพธิรักษ์ก็สู้หมด สู้เพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง ท้ายที่สุดศาลตัดสินให้ผิด แต่ผมเรียนย้ำว่าพ่อท่านโพธิรักษ์ไม่หนี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนต่อสังคม ไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยอมรับต่อกฎเกณฑ์ ตามกติกาต่างๆตามหลักของกฎแห่งกรรมขายที่สุดจบสิ้นกันในคดีอาญา ซึ่งไม่ใช่เป็นความผิดที่ร้ายแรงทางด้านการฉ้อโกงหรือการไปเอาทรัพย์สินเป็นเรื่องแห่งการทำกิเลส แต่นี่สู้กันเรื่องความเชื่อเพราะสันติอโศกเป็นพระมีคิ้วปฏิบัติตามแนวที่ตัวเองคิดว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า วันนี้สันติอโศกจึงไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ไทย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญการจะบวชการปฏิบัติวันนี้เป็นไปตามหลักการกำหนดของชาวสันติอโศกที่เรียกว่า กฎระเบียบของชาวอโศก แล้วเราเห็นอะไรครับ เราเห็นสังคมที่อยู่กันด้วยความสงบสุข พอเพียงไม่มีเรื่องกิเลส สังคมทั่วไปให้การยอมรับและกราบไหว้ แม้ว่าท่านจะไม่ได้ห่มเหลืองนุ่งเหลืองเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ผมก็เรียนว่า ผมกราบไหว้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เหมือนกับการไปกราบหลวงแม่อย่างนั้นเป็นต้น ที่นี้ในกรณีนี้ในกรณีสันติอโศก

 

เรามาดูกรณีธรรมกายระหว่างพ่อท่านโพธิรักษ์กับพระธัมมชโยไม่เหมือนกันอีกฝั่งหนึ่งพยายามที่จะลดละเลิกสอนให้คนพอเพียง แต่อีกฝั่งหนึ่งสอนเรื่องการทำบุญและร่ำรวย ผมเรียนนะครับว่าคำสอนนี้ไม่ได้ผิด พระพุทธองค์ทรงบอกว่าผู้ที่ให้ทานก็เหมือนเมล็ดข้าว 1 เม็ด โยนลงไปในเนื้อดิน ซึ่งเนื้อดินก็เหมือนกับพระ หรือผู้ที่รับทาน ถ้าเนื้อนาดีออกมาเป็นต้นข้าว ต้นข้าว 1 ต้น ให้รวงหลายรวงในหลาย รวงนั้นมีข้าวหลายเม็ด ฉะนั้นผู้ที่ทำทานย่อมได้รับอานิสงส์ของทานเป็นร้อยเท่าพันทวีอย่างแน่นอน แต่ถ้าการให้ทานนั้นเป็นไปด้วยความโลภอยากร่ำอยากรวยความโลภ ก็จะกลับมาที่จิตใจเป็นร้อยเท่าพันเท่า และผู้ที่ร่ำรวยจากการให้ทานนั้นก็จะไม่มีความสุข ฉะนั้นการให้ทานในพระพุทธศาสนาจึงเรียกว่า “จาคะ” เป็นการให้เพื่อการสละเพื่อการละวางทรัพย์สมบัติกลับมาก็จะเป็นความสุขเผื่อว่าเสียงที่ได้ก็จะแจกจ่าย และมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ผู้ยากต่อไป ฉะนั้นนี่คือความแตกต่างในทิศทางการเดินของสององค์กร วันนี้พระธัมมชโยได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่คิดจะอยู่ในประเทศไทยที่จะมีทางอยู่ในประเทศไทยอย่างไรก็ถูกจับ ไม่มีทางในการที่จะรอดพ้นจากอำนาจรัฐอย่างเด็ดขาด ทันทีที่โดนจับกุมคุมขังก็ต้องสึกเป็นไปอย่างอื่นไม่ได้ ฉะนั้นทางนี้จึงเป็นทางเดียว และเป็นทางเดียวที่เราจะต้องทำความเข้าใจว่า พระธรรมชโยเองทำไมคนถึงศรัทธาก็เพราะบอกว่าทำบุญและรวย ซึ่งผมเรียนแล้วว่าเป็นจริง พระธัมมชโยมีฤทธิ์ไหม คนไทยชอบชอบพระศักดิ์สิทธิ์ใครศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องเข้าไปกราบไหว้ ซึ่งไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนาเพราะฤทธิ์เป็นของข้างเคียง การได้ญาณเป็นของข้างเคียง อย่างที่แท้จริงจะต้องนำพาไปสู่ญาณแห่งการปลดปล่อยจิตใจของตัวเองให้ละวางจากกิเลส แต่ญาณที่เกิดขึ้นแบบนี้ ในทางพระพุทธศาสนาเขาเรียกว่าการฝึกมโนยิทธิ

 

พระธัมมชโยมีสิ่งเหล่านี้ไหม ผมเชื่อว่ามีลูกศิษย์สัมพันธ์และรู้ได้ว่ามีพอรู้ว่ามีก็แห่แหนกันมาทำบุญ แต่ในความเป็นจริงคนที่มีฤทธิ์หรือมีมโนยิทธิ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกนี้ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์ผู้คนทั้งหลายมากมายเหลือคณานับ ได้บรรลุธรรมหมด นั่นขนาดอยู่กับพระพุทธเจ้าองค์เป็นๆ ยังไม่ได้แล้วแค่สาวกจะมาช่วยได้อย่างไร พระพุทธเจ้าก็สอนว่าต้องช่วยตัวเองแบบสังคมไทยเช่นนี้เป็นไปตามความศักดิ์สิทธิ์ ตามสิ่งที่คิดว่าเห็น ว่ามีคู่ปรับของพระพุทธเจ้าคือพระเทวทัตซึ่งเป็นคู่ปรับมาทุกชาติอิจฉาริษยาตามเบียดเบียนพระพุทธเจ้าในชาตินั้นมาบวชกับพระพุทธเจ้า ผมเรียนนะครับว่ามีฤทธิ์สามารถไปครอบงำความคิดของพระเจ้าอชาตศัตรูซึ่งเป็นบุตรของพระเจ้าพิมพิสาร ผู้ที่ให้การศรัทธาสนับสนุนพระพุทธเจ้า ซึ่งพระเทวทัตอิจฉาพระพุทธเจ้าก็บันดาลฤทธิ์ให้พระเจ้าอชาตศัตรูหลงผิดจับพระราชบิดาของตัวเองไปคุมขังจนสิ้นชีวิต มาสำนึกในตอนสุดท้ายก็ได้สายไปแล้ว เพราะพระราชบิดาสิ้นชีวิตไปแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูพยายามไถ่บาปออกไปทำบุญอย่างมากมายมหาศาลขยายพระพุทธศาสนา แต่ก็ไม่ทัน ได้ตกนรกปิตุฆาต เห็นไหมครับ พระเทวทัตก็มากลิ้งก้อนหินใส่พระพุทธเจ้า จนพระบาทห้อพระโลหิตถูกแผ่นดินสูบสำนึกได้ก่อนที่จะตาย เอาคางเกยแผ่นดินเป็นพุทธบูชา ตกนรกโลกันต์หมกไหม้กว่าจะได้เกิดกลับมาเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องตกอีกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ ได้หมายความว่าพระธัมมชโยซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์หรือมีฤทธิ์มีมโนยิทธิเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่ได้

 

ผมเปรียบเทียบกับพระเทวทัตให้เห็น แต่ก็ไม่หยุดเพราะว่า ในขณะนี้ท่านผู้ชมจะต้องรับทราบว่าถ้าพระธัมมชโยไม่อยู่ในประเทศไทยฐานหลักของธรรมกายในวันนี้ดูเหมือนว่าจะมีวัดพระธรรมกายมีธรรมกายเจดีย์มีมูลนิธิธรรมกาย 2,000 ไร่เป็นส่วนกลางแต่ความจริงธรรมกาย มีสาขาอยู่ที่ต่างประเทศ 131 วัดหรือศูนย์สาขาศูนย์ปฏิบัติธรรมทั่วโลก อยู่ในเอเชีย 81 แห่งอยู่ในออสเตรเลีย 9 แห่ง แอฟริกา 2 แห่งยุโรป 23 แห่งทวีปอเมริกา 16 แห่งในสหรัฐอเมริกาเองมีอยู่ถึง 14 แห่งผมเรียนนะครับว่าในร้อย 31 แห่งอยู่ได้แบบแข็งแรงไม่ได้อยู่แบบเป็นซอกเป็นตึกเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่อลังการบางสาขาบางทีเราจะเห็นได้ว่ายิ่งใหญ่ ความยิ่งใหญ่เรานั้นมาจากเม็ดเงินจากความศรัทธาในการทำทานประจำแล้วทำผิดกฎแห่งกรรมบอกว่ากรรมไหนกรรมไหนทำถี่ทำบ่อยก็จะส่งผลก่อน กรรมไม่ได้หมายถึงความชั่วร้ายอย่างเดียว วันนี้ คนที่ทำแล้วบรรลุผลให้เงินทองไหลมาเทมาก็ให้การสนับสนุนวันนี้ผ่านทั้ง 131 แห่งที่อยู่ทั่วโลกในขณะที่ประเทศไทยในวันนี้วัดพระธรรมกายที่บอกว่ามีเต็มไปหมดจริงๆนี้เพียง 51 วัดหรือรวมกันแล้วเป็น 51 แห่งศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 แห่ง ภาคตะวันออก 6 แห่งภาคใต้ 3 แห่งภาคกลางและตะวันตก 12 แห่งภาคเหนือ 20 แห่ง นี่แหละครับที่ผมเรียนว่าพระธัมมชโยจะถอยไปตั้งหลักอยู่ต่างประเทศและบริหารสาขาทั้งหลายเอาวัดทั้งหลายออกจากคณะสงฆ์ไทย ไม่ขึ้นต่อไม่มีกฎหมายคณะสงฆ์ที่จะเข้าควบคุมได้ตั้งหลักที่ใหม่ของตัวเองผู้คนศรัทธามากมายที่ยังอยู่ก็จะให้การสนับสนุนและตัวเองก็จะดำรงคงฐานะผู้นำหรือศาสดาของคนกลุ่มนี้ต่อไป
 
ยุคล : แต่คดีฟอกเงินก็ยังเป็นคดีฟอกเงินอยู่นะครับ
 
สนธิญาณ : ก็กลับเข้าไทยไม่ได้แบบเดียวกับคนบางคนเมื่อทำผิดกฎหมายก็เข้าไทยไม่ได้
 
ยุคล : เอาล่ะครับคุณพี่ชมก็ชัดเจนสำหรับการตั้งประเด็นหัวข้อธัมมชโยหนีธรรมกายตั้งลัทธิใหม่วันนี้หมดเวลาของผมกับคุณสนธิญาณแล้ว ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณสนธิญาณ ลาคุณผู้ชมแต่เพียงเท่านี้พบกันใหม่สัปดาห์หน้าสวัสดีครับ