- 20 ก.พ. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้ดูการออกคำสั่งตามมาตรา 44 เกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจว่า เป็นเพียงการปฏิรูปตำรวจบางส่วน ไม่ใช่ทั้งระบบ เพราะการปฏิรูปตำรวจทั้งระบบนั้นมีการกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ
โดยในมาตรา 260 โดยระบุให้มีคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจขึ้นมา 1 ชุด เป็นผู้ดำเนินการเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ แต่ขณะนี้เป็นการปฏิรูปในส่วนเฉพาะหน้า ไม่ใช่ถาวร จากนั้นต้องส่งให้คณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยเรื่องเฉพาะหน้านี้เป็นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งคำสั่งจะออกมาเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ปรับการแต่งตั้งให้เหมือนทหาร เพราะตำรวจไม่เหมือนทหาร โดยจะหาวิธีการป้องกันการซื้อขายตำแหน่ง แต่อาจทำได้ไม่ทั้งหมด คงต้องมีการกลั่นกรองกันอีกชั้นหนึ่ง ต้องยึดคณะกรรมการตามมาตรา 260 เป็นหลักให้เสร็จภายใน 1 ปี
ล่าสุดวันนี้เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๖๐ เรื่อง การปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ ซี่งรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้
โดยที่การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและต้นทาง
ของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องสําคัญ โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ
หากมิได้ดําเนินการให้ถูกต้องเป็นธรรมแล้ว ย่อมกระทบต่อขวัญ กําลังใจ ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ
และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ทั้งหากมีผู้ใช้การแต่งตั้งเป็นช่องทางเรียกรับผลประโยชน์อันไม่ชอบ
ด้วยกฎหมายและปราศจากธรรมาภิบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งก่อให้เกิดความคับแค้นใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบและ
อาจเป็นการผลักภาระต่อไปให้แก่ประชาชนกลายเป็นวัฏจักรแห่งการทุจริตในวงราชการ ความไร้ประสิทธิภาพ
ในการบังคับใช้กฎหมายและการอํานวยความยุติธรรม จําเป็นต้องปฏิรูประบบการบริหารงานบุคคลของ
ข้าราชการตํารวจ ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ดําเนินการในบางเรื่องบางประเด็น
มาแล้วเป็นลําดับและจะต้องดําเนินการต่อไปให้สมบูรณ์ทั้งระบบเพื่อตอบสนองความคาดหวัง
ของประชาชน
ในส่วนของการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจซึ่งตามกฎหมายในปัจจุบันเป็นอํานาจของผู้บัญชาการ
ตํารวจแห่งชาตินั้น แม้จะมีกลไกการปฏิบัติภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติอยู่แล้ว แต่ควรกําหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการกลั่นกรองให้เกิดความรับผิดชอบ ความถูกต้องเรียบร้อยเป็นธรรม
และมีความเหมาะสมตรงกับความรู้ความสามารถตามสายการบังคับบัญชาและการจัดสรรอัตรากําลัง
ในแต่ละพื้นที่ยิ่งขึ้น เพื่อให้มีขั้นตอนชัดเจน โปร่งใส ปราศจากการวิ่งเต้น การเรียก รับ ให้
หรือสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนแลกเปลี่ยนกับการแต่งตั้ง และปลอดจากระบบอุปถัมภ์ อันเป็นความจําเป็น
ต่อการปฏิรูประบบราชการ ตลอดจนการเตรียมการให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปด้านกระบวนการ
ยุติธรรมเกี่ยวกับกิจการของตํารวจตามมาตรา ๒๕๘ และมาตรา ๒๖๐ ของร่างรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย ที่กําลังจะประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา
การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และให้ใช้ความ
ต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๕๔ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตั้งแต่มาตรา ๔๔ (๗) ลงมา
ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติซึ่งดํารงตําแหน่ง
ไม่ต่ํากว่าผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอน ดงตั ่อไปนี้
(๑) ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานระดับกองบังคับการ แต่งตั้งคณะกรรมการ
กลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจระดับกองบังคับการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรองหัวหน้า
ส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้นทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ
ให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น แล้วเสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการ
หรือหน่วยงานระดับกองบัญชาการเพื่อดําเนินการตาม (๒) หรือเสนอต่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้งในกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจในสังกัดสํานักงาน
ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติเพื่อดําเนินการตาม (๓) ต่อไป แล้วแต่กรณี
(๒) ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานระดับกองบัญชาการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง
การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจระดับกองบัญชาการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรองหัวหน้าส่วนราชการ
หรือหน่วยงานนั้นทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ
ให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น และการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจที่ได้รับ
การเสนอตาม (๑) แล้วเสนอต่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้ง
เพื่อดําเนินการตาม (๓) หรือดําเนินการแต่งตั้งต่อไป แล้วแต่กรณี
(๓) ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ
โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยจเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติทุกคนเป็นกรรมการ
เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในสังกัดสํานักงานผู้บัญชาการ
ตํารวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจที่ได้รับการเสนอตาม (๑) หรือ (๒) แล้วเสนอต่อ
ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้งเพื่อดําเนินการแต่งตั้งต่อไป
กรณีที่ผู้สั่งแต่งตั้งเห็นว่ารายชื่อข้าราชการตํารวจตามวรรคหนึ่งผู้ใดมีความไม่เหมาะสม
หรือมีข้าราชการตํารวจซึ่งเห็นสมควรดํารงตําแหน่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์แก่การบริหารงานบุคคล
ของข้าราชการตํารวจให้เกิดประสิทธิภาพ ให้ผู้สั่งแต่งตั้งมีอํานาจแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม
การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ แล้วดําเนินการแต่งตั้ง หรือสั่งให้พิจารณาทบทวน
การเสนอแต่งตั้งได้ตามควรแก่กรณี”
ข้อ ๒ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา ๔๔ (๗) ถึง (๑๐)
ในวาระการแต่งตั้งประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ดําเนินการตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๒๑/๒๕๕๙ เรื่อง การปฏิบัติราชการของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน
พุทธศักราช ๒๕๕๙ จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยให้นําข้อ ๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ ๓ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้กระทําโดยสุจริต เป็นธรรม ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด
หากมีเรื่องร้องเรียนหรือข้อสงสัยว่ามีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือมีการเรียก รับ ให้
หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ตอบแทน แลกเปลี่ยนหรือจูงใจในการแต่งตั้งไม่ว่าด้วยประการใด ๆ
ให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องดําเนินการตรวจสอบหรือสอบสวนโดยเร็วและรายงานผลให้ผู้บังคับบัญชา
เหนือชั้นขึ้นไปหรือผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติแล้วแต่กรณี ทราบเพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป
ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน
เกี่ยวกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การเรียก รับ ให้ หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ตอบแทน
หรือการแลกเปลี่ยนหรือจูงใจในการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง เมื่อตรวจสอบแล้ว
ให้ดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจต่อไปโดยกําหนดมาตรการคุ้มครองพยานหรือผู้แจ้งเบาะแสชี้ช่องด้วย
ในกรณีจําเป็นจะเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อสั่งให้ข้าราชการตํารวจที่ถูกร้องเรียน
หรือเกี่ยวข้องไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่นหรือนอกสํานักงานตํารวจแห่งชาติเป็นการชั่วคราวระหว่าง
การตรวจสอบก็ได้
ข้อ ๔ ให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติศึกษาแนวทางการปฏิรูปตํารวจท้ังระบบ โดยอย่างน้อย
ให้ครอบคลุมถึงการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ โดยพิจารณาเปรียบเทียบ
ผลดีผลเสียและความเป็นไปได้ของหลักประกันความเป็นธรรมในการแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
การมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม การดําเนินการทางวินัย การจัดระเบียบเกี่ยวกับอํานาจ
ในการสอบสวนคดีอาญา การควบคุมและถ่วงดุลการใช้ดุลยพินิจ การกระจายอํานาจ การนําวิทยาการ
ตํารวจสมัยใหม่ เทคโนโลยี และการบริหารราชการแนวใหม่มาใช้ในกิจการตํารวจ การปรับปรุง
ประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การให้บริการที่อํานวยความสะดวกแก่ประชาชน
และการจัดระบบสวัสดิการของข้าราชการตํารวจโดยอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล
สิทธิมนุษยชน การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ แล้วรายงาน
ให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูป
กิจการตํารวจที่จะจัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๒๖๐ ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รับไปพิจารณา
ตามหน้าที่ และอํานาจต่อไป
ข้อ ๕ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ
แห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ ๖ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์