ด่วน…เริ่มแล้วปฏิรูปตร.!!!“บิ๊กตู่”ใช้ม.44ผ่าโครงสร้างโยกย้ายตำรวจทั่วปท. สั่งตั้งบอร์ดกรองชื่อให้ศอตช.สอบซื้อขายตำแหน่ง(อ่านรายละเอียด)

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

       จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้ดูการออกคำสั่งตามมาตรา 44 เกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจว่า เป็นเพียงการปฏิรูปตำรวจบางส่วน ไม่ใช่ทั้งระบบ เพราะการปฏิรูปตำรวจทั้งระบบนั้นมีการกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ

       โดยในมาตรา 260 โดยระบุให้มีคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจขึ้นมา 1 ชุด เป็นผู้ดำเนินการเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ แต่ขณะนี้เป็นการปฏิรูปในส่วนเฉพาะหน้า ไม่ใช่ถาวร จากนั้นต้องส่งให้คณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยเรื่องเฉพาะหน้านี้เป็นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย  ซึ่งคำสั่งจะออกมาเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ปรับการแต่งตั้งให้เหมือนทหาร เพราะตำรวจไม่เหมือนทหาร โดยจะหาวิธีการป้องกันการซื้อขายตำแหน่ง แต่อาจทำได้ไม่ทั้งหมด คงต้องมีการกลั่นกรองกันอีกชั้นหนึ่ง ต้องยึดคณะกรรมการตามมาตรา 260 เป็นหลักให้เสร็จภายใน 1 ปี

 

       ล่าสุดวันนี้เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๖๐ เรื่อง การปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ ซี่งรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้

 

โดยที่การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและต้นทาง

ของกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องสําคัญ โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ

หากมิได้ดําเนินการให้ถูกต้องเป็นธรรมแล้ว ย่อมกระทบต่อขวัญ กําลังใจ ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ

และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ทั้งหากมีผู้ใช้การแต่งตั้งเป็นช่องทางเรียกรับผลประโยชน์อันไม่ชอบ

ด้วยกฎหมายและปราศจากธรรมาภิบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งก่อให้เกิดความคับแค้นใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบและ

อาจเป็นการผลักภาระต่อไปให้แก่ประชาชนกลายเป็นวัฏจักรแห่งการทุจริตในวงราชการ ความไร้ประสิทธิภาพ

ในการบังคับใช้กฎหมายและการอํานวยความยุติธรรม จําเป็นต้องปฏิรูประบบการบริหารงานบุคคลของ

ข้าราชการตํารวจ ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ดําเนินการในบางเรื่องบางประเด็น

มาแล้วเป็นลําดับและจะต้องดําเนินการต่อไปให้สมบูรณ์ทั้งระบบเพื่อตอบสนองความคาดหวัง

ของประชาชน

ในส่วนของการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจซึ่งตามกฎหมายในปัจจุบันเป็นอํานาจของผู้บัญชาการ

ตํารวจแห่งชาตินั้น แม้จะมีกลไกการปฏิบัติภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติอยู่แล้ว แต่ควรกําหนด

หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการกลั่นกรองให้เกิดความรับผิดชอบ ความถูกต้องเรียบร้อยเป็นธรรม

และมีความเหมาะสมตรงกับความรู้ความสามารถตามสายการบังคับบัญชาและการจัดสรรอัตรากําลัง

ในแต่ละพื้นที่ยิ่งขึ้น เพื่อให้มีขั้นตอนชัดเจน โปร่งใส ปราศจากการวิ่งเต้น การเรียก รับ ให้

หรือสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนแลกเปลี่ยนกับการแต่งตั้ง และปลอดจากระบบอุปถัมภ์ อันเป็นความจําเป็น

ต่อการปฏิรูประบบราชการ ตลอดจนการเตรียมการให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปด้านกระบวนการ

ยุติธรรมเกี่ยวกับกิจการของตํารวจตามมาตรา ๒๕๘ และมาตรา ๒๖๐ ของร่างรัฐธรรมนูญ

แห่งราชอาณาจักรไทย ที่กําลังจะประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)

พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗

ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๔/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหา

การบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ และให้ใช้ความ

ต่อไปนี้แทน

“มาตรา ๕๔ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตั้งแต่มาตรา ๔๔ (๗) ลงมา

ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติซึ่งดํารงตําแหน่ง

ไม่ต่ํากว่าผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอน ดงตั ่อไปนี้

(๑) ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานระดับกองบังคับการ แต่งตั้งคณะกรรมการ

กลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจระดับกองบังคับการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรองหัวหน้า

ส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้นทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ

ให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น แล้วเสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการ

หรือหน่วยงานระดับกองบัญชาการเพื่อดําเนินการตาม (๒) หรือเสนอต่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ

หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้งในกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจในสังกัดสํานักงาน

ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติเพื่อดําเนินการตาม (๓) ต่อไป แล้วแต่กรณี

(๒) ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานระดับกองบัญชาการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง

การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจระดับกองบัญชาการ โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรองหัวหน้าส่วนราชการ

หรือหน่วยงานนั้นทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ

ให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น และการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจที่ได้รับ

การเสนอตาม (๑) แล้วเสนอต่อผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้ง

เพื่อดําเนินการตาม (๓) หรือดําเนินการแต่งตั้งต่อไป แล้วแต่กรณี

(๓) ให้ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ

โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยจเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติทุกคนเป็นกรรมการ

เพื่อทําหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในสังกัดสํานักงานผู้บัญชาการ

ตํารวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจที่ได้รับการเสนอตาม (๑) หรือ (๒) แล้วเสนอต่อ

ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งแต่งตั้งเพื่อดําเนินการแต่งตั้งต่อไป

กรณีที่ผู้สั่งแต่งตั้งเห็นว่ารายชื่อข้าราชการตํารวจตามวรรคหนึ่งผู้ใดมีความไม่เหมาะสม

หรือมีข้าราชการตํารวจซึ่งเห็นสมควรดํารงตําแหน่งต่าง ๆ เพื่อประโยชน์แก่การบริหารงานบุคคล

ของข้าราชการตํารวจให้เกิดประสิทธิภาพ ให้ผู้สั่งแต่งตั้งมีอํานาจแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม

การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ แล้วดําเนินการแต่งตั้ง หรือสั่งให้พิจารณาทบทวน

การเสนอแต่งตั้งได้ตามควรแก่กรณี”

ข้อ ๒ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่งตามมาตรา ๔๔ (๗) ถึง (๑๐)

ในวาระการแต่งตั้งประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ดําเนินการตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ที่ ๒๑/๒๕๕๙ เรื่อง การปฏิบัติราชการของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๖ เมษายน

พุทธศักราช ๒๕๕๙ จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยให้นําข้อ ๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

 

 

ข้อ ๓ การแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้กระทําโดยสุจริต เป็นธรรม ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด

หากมีเรื่องร้องเรียนหรือข้อสงสัยว่ามีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือมีการเรียก รับ ให้

หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ตอบแทน แลกเปลี่ยนหรือจูงใจในการแต่งตั้งไม่ว่าด้วยประการใด ๆ

ให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องดําเนินการตรวจสอบหรือสอบสวนโดยเร็วและรายงานผลให้ผู้บังคับบัญชา

เหนือชั้นขึ้นไปหรือผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติแล้วแต่กรณี ทราบเพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป

ให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน

เกี่ยวกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การเรียก รับ ให้ หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ตอบแทน

หรือการแลกเปลี่ยนหรือจูงใจในการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง เมื่อตรวจสอบแล้ว

ให้ดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจต่อไปโดยกําหนดมาตรการคุ้มครองพยานหรือผู้แจ้งเบาะแสชี้ช่องด้วย

ในกรณีจําเป็นจะเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อสั่งให้ข้าราชการตํารวจที่ถูกร้องเรียน

หรือเกี่ยวข้องไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่นหรือนอกสํานักงานตํารวจแห่งชาติเป็นการชั่วคราวระหว่าง

การตรวจสอบก็ได้

ข้อ ๔ ให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติศึกษาแนวทางการปฏิรูปตํารวจท้ังระบบ โดยอย่างน้อย

ให้ครอบคลุมถึงการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ โดยพิจารณาเปรียบเทียบ

ผลดีผลเสียและความเป็นไปได้ของหลักประกันความเป็นธรรมในการแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ

การมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม การดําเนินการทางวินัย การจัดระเบียบเกี่ยวกับอํานาจ

ในการสอบสวนคดีอาญา การควบคุมและถ่วงดุลการใช้ดุลยพินิจ การกระจายอํานาจ การนําวิทยาการ

ตํารวจสมัยใหม่ เทคโนโลยี และการบริหารราชการแนวใหม่มาใช้ในกิจการตํารวจ การปรับปรุง

ประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การให้บริการที่อํานวยความสะดวกแก่ประชาชน

และการจัดระบบสวัสดิการของข้าราชการตํารวจโดยอยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล

สิทธิมนุษยชน การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ แล้วรายงาน

ให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูป

กิจการตํารวจที่จะจัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๒๖๐ ของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รับไปพิจารณา

ตามหน้าที่ และอํานาจต่อไป

ข้อ ๕ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ

แห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้

ข้อ ๖ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม:เรียบร้อยโรงเรียนพล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งม.44 ย้ายตร.ทุกระดับต้องมีกรรมการกลั่นกรอง

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์