ภัยธรรมชาติ..ประมาทไม่ได้!! ปภ.สั่งเฝ้าระวัง 26 จว.รับมือลมกรรโชกแรง อุณหภูมิลดฮวบส่งท้ายเดือนก.พ.!!?!!

ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องประชาสัมพันธ์แจ้งให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง  กับสถานการณ์อากาศในประเทศไทยนับต่อจากนี้ ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและครอบคลุมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้ ในช่วงวันที่ 23–25 กุมภาพันธ์ 2560 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และในช่วงวันที่ 24–26 กุมภาพันธ์ 2560 ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง บริเวณจังหวัดลพบุรี และสระบุรี ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสาน 26 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ภาคกลาง จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทุบรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครนายก และกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว เตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศแปรปรวน โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการระงับเหตุทันทีที่เกิดภัย

 

รวมถึงตรวจสอบสิ่งก่อสร้างในพื้นที่สาธารณะและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้บริเวณริมถนนและในพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันอันตรายจากการล้มทับ พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวน โดยดำเนินการผ่านวิทยุกระจายเสียง เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เครือข่ายวิทยุสมัครเล่น สถานีโทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี และสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ด้านสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ส่วนเกษตรกรควรจัดทำที่กำบังปกคลุมพืชผลการเกษตร เพื่อป้องกันผลผลิตได้รับความเสียหายจากลมพัดแรง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสภาพอากาศแปรปรวนและลมพัดแรง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

 

เรียบเรียง :  นิตติยา  สำนักข่าวทีนิวส์